สู้ไม่ถอย!! โฆษกคณะศิษย์ธรรมกายแถลงขอให้ยับยั้งการใช้ความรุนแรงต่อสถาบันพระพุทธศาสนา  สื่อร้อยกรองฟังชัดๆ "ไม่มีใครกลัวสักคนที่ขนมา"

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ (11 ธ.ค.)  เมื่อเวลา 15.00 น.  นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย  ได้แถลงข่าวแสดงท่าทีและจุดยืนของเครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลกต่อสื่อมวลชน  ที่จุดแถลงข่าวบริเวณพื้นที่ต้อนรับสื่อมวลชนอาคาร information ใกล้ประตูทางเข้าที่ 7  หน้ามหาวิหารรูปหล่อทองคำ พระมงคลเทพมุนี สด จันทสโร วัดธรรมกาย  โดยกล่าวว่า  เนื่องด้วยขณะนี้ สถานการณ์ส่อว่าจะบังเกิดเหตุรุนแรง  ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับสถาบันพระพุทธศาสนา อันเนื่องมาจากการดำเนินการโดยไม่เป็นธรรม ดังนี้
         
1. การดำเนินการของพนักงานสอบสวนในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และคดีอื่นที่เกี่ยวโยงกัน มีความไม่เป็นธรรมหลายประการ อาทิ มีการแจ้งความดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาคณะศิษยานุศิษย์ที่ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อเยียวยาแก่สหกรณ์ฯคลองจั่น ว่ามีความผิดข้อหาเรี่ยไร ทั้งที่เงินนั้นก็เป็นเงินของศิษยานุศิษย์แต่ละท่าน และเสียสละมาเยียวยาแก่สหกรณ์ฯตามข้อตกลงในศาล และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องทั้งวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี อีกทั้งสหกรณ์ฯ มีหนังสือขอบคุณแก่คณะศิษยานุศิษย์ เจ้าหน้าที่ของรัฐแทนที่จะมอบรางวัลแสดงความชื่นชมในน้ำใจเสียสละให้กับศิษยานุศิษย์ แต่คณะศิษยานุศิษย์กลับถูกดำเนินคดีตกเป็นผู้ต้องหา แสดงถึงเจตนาในการหาเรื่องกลั่นแกล้ง ไม่เป็นธรรม
         
2. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ได้ดำเนินคดีพระเทพญาณมหามุนี ข้อหาบุกรุกป่า และข้อหาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทับลำรางสาธารณะ ที่สวนป่าหิมวันต์ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์ พีซ จังหวัดนครราชสีมา ตามลำดับ โดยอ้างอิงความเห็นของนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาล ทั้งที่นายวิฑูรย์ฯ ซึ่งเคยเป็นอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เพราะทำความผิดฐานวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศบิดเบือนความจริง สร้างความเสียหายต่อราชการหลายกรรมหลายวาระ และสำนักงานศาลยุติธรรมไม่ต่อทะเบียนการเป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาล นายวิฑูรย์ฯ จึงมิได้เป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาลแล้ว ซึ่งทางวัดพระธรรมกายได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง วิเคราะห์ตรวจสอบด้วยแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร ปรากฏผลการตรวจสอบว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตป่า และไม่มีลำรางสาธารณะแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. กลับเลือกที่จะเชื่อผลการวิเคราะห์ฯของนายวิฑูรย์ฯ ซึ่งมีพฤติกรรมมัวหมองร้ายแรงจนถูกไล่ออกจากราชการ ไม่เชื่อผลการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง และไปขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี
         
3. กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ขอให้ กสทช.สั่งหยุดการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC โดยไม่มีการไต่สวน ทั้งที่เนื้อหามีแต่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ สอนธรรมะให้ประชาชนเป็นคนดี

4. พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.โดยการนำของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ฯ ทำให้คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายพิจารณาแล้วเห็นว่าพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม สร้างความรู้สึกทุกข์ร้อนคับแค้นใจอย่างแสนสาหัส
         
5. ขณะนี้มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนว่าทางดีเอสไอและตำรวจได้สนธิกำลังกับทหารและฝ่ายปกครองรวมกว่า 3,000 คน พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ สุนัขตำรวจ รถคลื่นเสียงแรงสูงทำลายแก้วหู รถฉีดน้ำความดันสูง หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เตรียมบุกเข้าวัดพระธรรมกายต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วัน โดยได้ประสานสั่งการให้โรงพยาบาลใกล้เคียงทุกแห่งเตรียมแพทย์พยาบาลไว้ให้พร้อม ส่อให้เห็นว่าจะใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามจับกุมคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่มาสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ในวัดจำนวนหลายหมื่นคนด้วยความเป็นห่วงพระเทพญาณมหามุนี ซึ่งจะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จะกลายเป็นข่าวอื้อฉาวสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติในสายตาชาวโลกอย่างยิ่ง และจะเป็นบาดแผลความขัดแย้งอย่างลึกซึ้ง ระหว่างสถาบันชาติกับสถาบันพระพุทธศาสนาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
         
6. ทำไมเจ้าหน้าที่ต้องยกกำลังกันหลายพันคนราวกับจะทำสงคราม เพียงเพื่อจะจับกุมพระภิกษุชราที่อาพาธหนัก และทำความดีมาทั้งชีวิต เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ได้ไม่เท่าเสีย เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตนหรือไม่ ทั้งที่ไม่ใช่คดีร้ายแรง แต่เวลาพระใน 4 จังหวัดภาคใต้ถูกฆ่า วัดถูกเผา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจเคยทุ่มเทกำลัง 3,000 นาย เพื่อเข้าคลี่คลายคดีหรือไม่
         
7. ในช่วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาพิเศษที่ชาวไทยทั้งประเทศรวมถึงคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ร่วมใจกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นประจำทุกวัน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสมหามงคลอันประเสริฐที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย ควรจะเป็นห้วงเวลาที่ชาวไทยทุกคนได้สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกัน รักษาสังคมบ้านเมืองที่สงบสันติสุขเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเสริมพระบรมเดชานุภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยให้ปรากฏแก่ชาวโลก ไม่ควรที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น

8. คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายนับล้านคน คณะสงฆ์และชาวพุทธทั่วโลก ได้จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด องค์กรพุทธนานาชาติจำนวนมากได้ทำหนังสือทักท้วงไปยัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีขอให้ระงับยับยั้งการใช้ความรุนแรงต่อพระสงฆ์ ชาวพุทธ และวัดในพระพุทธศาสนา
         
9. เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนหมู่ใหญ่หลายล้านคน โดยเฉพาะเป็นเรื่องความเชื่อศรัทธาทางศาสนา เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ขอให้เจ้าหน้าที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการแสดงออก อย่าให้มีลักษณะข่มขู่คุกคาม แต่แสดงให้เห็นถึงความเป็นกลาง ยุติธรรมอย่างแท้จริงจนได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ปัญหาก็จะสามารถคลี่คลายไปได้ด้วยดีในที่สุด แม้จะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ก็เป็นทางออกที่ส่งผลดีที่สุดสำหรับประเทศชาติและพระพุทธศาสนา การใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหม่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่า
         
10. เหตุที่คณะศิษยานุศิษย์ มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระเทพญาณมหามุนีอย่างมาก ก็เพราะคำสอนของท่านได้ชุบชีวิตของตนให้เป็นคนดี รักพระพุทธศาสนา ดังความรู้สึกที่อุบาสิกาหญิงตัวเล็กๆ ท่านหนึ่ง ได้บรรยายไว้ดังนี้
         
 ฉันเป็นผู้หญิงตัวน้อย   ขอมีเสียงสักหน่อยจะได้ไหม
           ขอบอกว่ารักพ่อสุดหัวใจ  เพราะเหตุใดขอได้โปรดมารับฟัง
           ตีวงเข้ามาสาธุชน   ถั่วข้าวโพดโค้กขนเอามาตั้ง
          ผู้หญิงจะออกจากที่กำบัง  เล่าเรื่องปางหลังรจนา
           ที่มีชีวิตได้ถึงวันนี้   ใครที่มีพระคุณจนล้นค่า
           เตรียมโอ่งมารองรับน้ำตา  จะรู้ว่าพระพ่อนั้นคือใคร
           ร่างฉันไม่ทนกระสุนปืน  จะถองทุบยุบยืนก็ตายได้
           จะขู่เข็ญทุกคืนค่ำไปทำไม  ไม่มีใครกลัวสักคนที่ขนมา
 

วิทย์ ณ เมธา สำนักข่าวทีนิวส์