ชัดแล้ว!! ผู้ว่าฯเผยรถตู้ชนสยองรถกระบะ เหตุคนขับหลับใน-พักผ่อนน้อย เตรียมควักจ่ายรายละ 7 แสน

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th.

 

วันนี้ ( 3 ม.ค.)   รายงานข่าวจากศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนประจำปี 2560 (ศปถ.) แจ้งว่า กรณีอุบัติเหตุรถตู้โดยสาร กรุงเทพฯ-จันทบุรี พุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนรถกระบะที่อยู่เลนตรงข้ามจนเกิดเพลิงไหม้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 25 คนที่จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 2 ม.ค.นั้น  จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 คาดว่าคนขับรถตู้อาจจะหลับใน  ทั้งนี้เพราะไม่พบว่ามีรอยเบรกบนถนน รวมทั้งลักษณะที่เกิดเหตุไม่ใช่ทางโค้งหรือเป็นจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ  อย่างไรก็ตามการสอบสวนเบื้องต้นจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ตรวจสอบสภาพศพและตรวจสอบสภาพรถ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาตรวจสอบ 7 วัน จึงจะทราบสาเหตุที่ชัดเจน

 

นายศิวกร บัวป้อง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า รถที่เกิดอุบัติเหตุทั้งสองคัน มี พ.ร.บ.และประกันภัยภาคสมัครใจ ดังนั้นญาติผู้เสียชีวิตได้ค่าทำศพรายละ 6 แสนบาท เป็นอย่างต่ำ  ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุน่าจะมาจากคนขับรถตู้ คือ นายสุมน เอี่ยมสมบัติ พักผ่อนไม่เพียงพอจนเป็นสาเหตุของการหลับใน เนื่องจากต้องขับรถรับผู้โดยสารติดต่อกันหลายวัน และในวันเกิดเหตุยังได้ขับรถตู้ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ถึงจันทบุรี เวลา 10.00 น. โดยใช้เวลาในการขับรถรวม 5 ชั่วโมง และได้พักเพียง1 ชั่วโมง  ก่อนจะขับรถคิวต่อไปออกจากจังหวัดจันทบุรีในเวลา 11.00 น.

 

ด้าน นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี  กล่าวว่า คนขับรถตู้อาจหลับใน เพราะพื้นถนนอยู่ในสภาพดี เบื้องต้นจังหวัดเตรียมการช่วยเหลือผู้เสียชีวิตรายละ 700,000 บาท ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสามารถกลับบ้านได้แล้ว 1 ราย ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลชลบุรีอีก 1 ราย
         

 

ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า รถตู้ที่เกิดอุบัติเหตุมีการตรวจสอบสภาพรถเมื่อเดือนกันยายน 2559 และระบบถังไม่แก๊สไม่มีปัญหา เหตุเพลิงไหม้จึงอาจเกิดจากระบบหัวจ่ายน้ำมัน แต่จะต้องรอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหากลดการติดตั้งแก๊สอาจลดความสูญเสียได้

 

นายอาคมกล่าวอีกว่า  รถตู้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อขนส่งคน แต่ใช้เพื่อขนส่งสิ่งของ  เมื่อมีการนำมาประยุกต์ใช้ ต้องเน้นย้ำในเรื่องระบบความปลอดภัย ทั้งตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบ ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ขับขี่รถตู้โดยสารสาธารณะควรมีความพร้อม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และเสพสารเสพติด พักผ่อนให้เพียงพอ  ซึ่งในข้อบังคับของกรมขนส่งทางบกก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าขับรถ 4 ชั่วโมงต้องพัก 1 ชั่วโมง  อย่างไรก็ดี ขณะนี้ได้มีการเร่งรัดให้ผู้ประกอบการนำรถตู้เข้าติดจีพีเอส เพื่อให้สามารถตรวจสอบและควบคุมที่ศูนย์ควบคุมได้  รวมไปถึงภายในปี 2562 จะผลักดันให้มีการใช้รถตู้ในการขนส่งข้ามจังหวัดลดลง

 


วิทย์ ณ เมธา   สำนักข่าวทีนิวส์