พ่อแม่ต้องอ่าน!!! อยากให้ลูกเป็นเด็กดี ต้องแยก 3 พฤติกรรมนี้ให้ออก

พ่อแม่ต้องอ่าน!!! อยากให้ลูกเป็นเด็กดี ต้องแยก 3 พฤติกรรมนี้ให้ออก

          พ่อแม่ต้องอ่าน!!! อยากให้ลูกเป็นเด็กดี ต้องแยก 3 พฤติกรรมนี้ให้ออก            หลายๆคนอาจจะเคยเจอเด็กที่มีพฤติกรรมหยาบคาย นิสัยเสีย หรือเกเร มองดูผิวเผินอาจจะเหมือนกัน แต่แท้จริงแล้วพฤติกรรม 3 ประเภทนี้แตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง วันนี้เรามาทำความเข้าใจกับ 3 พฤติกรรมนี้กัน เพื่อที่เราจะได้รับมือและแก้ไขได้อย่างถูกต้อง ภายใต้พื้นฐานความคิดที่ว่าเด็กๆควรได้รับการดูแลเพื่อให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีที่สุด สำหรับข้อแตกต่างของพฤติกรรมที่เด็กๆแสดงออกมานั้นสามารถแยกให้เห็นกันแบบชัดๆได้ดังนี้

พ่อแม่ต้องอ่าน!!! อยากให้ลูกเป็นเด็กดี ต้องแยก 3 พฤติกรรมนี้ให้ออก
          พฤติกรรมหยาบคายหรือไม่มีมารยาท  คือการใช้คำพูดหรือการกระทำที่ทำให้คนอื่นเจ็บใจ โดยไม่ได้ตั้งใจ ยกตัวอย่างการกระทำที่หยาบคายของเด็กๆเช่น เรอใส่หน้าคนอื่น แซงแถว อวดคะแนนให้เพื่อนดู หรือปาใบไม้ใส่หน้าเพื่อน การกระทำเหล่านี้อาจจะดูเหมือนเป็นการรังแกกันเสียมากกว่า แต่ถ้าเรามองลึกลงไปให้มากกว่านั้น  แท้จริงแล้วเด็กเหล่านั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ หรือเตรียมตัวที่จะทำอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาขาดการอบรบในเรื่องของมารยาทเสียมากกว่า

พ่อแม่ต้องอ่าน!!! อยากให้ลูกเป็นเด็กดี ต้องแยก 3 พฤติกรรมนี้ให้ออก
          พฤติกรรมนิสัยเสีย คือการที่เด็กตั้งใจพูดหรือทำอะไรก็ตาม เพื่อที่จะให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึก ความแตกต่างระหว่าง “เด็กไม่มีมารยาท” กับ “เด็กนิสัยเสีย” คือ เจตนา โดยส่วนใหญ่แล้วเด็กที่ไม่มีมารยาทจะแสดงกิริยาแย่ๆ โดยอย่างไม่ตั้งใจหรือขาดคนอบรบสั่งสอน  แต่ถ้าเป็นเด็กนิสัยเสียพวกเขาจะตั้งใจพูดเสียดสีหรือทำสิ่งต่างๆให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่  ไม่ว่าจะเป็นสบประมาทเรื่องการแต่งตัว รูปร่างหน้าตา คะแนน ฐานะ หรืออะไรก็ตามที่เด็กเหล่านั้นสามารถวิจารณ์ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกแย่ได้  การที่เด็กจะแสดงพฤติกรรมนิสัยเสียออกมาได้เป็นเพราะเขาโกรธหรือไม่ได้ดั่งใจ จึงพยายามที่จะหาคนอื่นเพื่อเปรียบเทียบให้ตัวเองรู้สึกดีกว่าเสมอ
ตัวอย่างพฤติกรรมนิสัยเสียที่พบเจอในเด็ก
- เธอทำไมตัวอ้วนน่าเกลียดจังเลย
- ไม่มีเงินซื้อของเล่นเหรอ? จนจังเลยนะ
          พฤติกรรมอันธพาล เกเร กรณีนี้คือเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว รังแกหรือกลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอกว่า และทำอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การที่เด็กจะมีพฤติกรรมเกเรนั้นจะต้องมีปัจจัย 3 อย่างด้วยกัน คือเด็กจะต้องมีเจตนาที่จะกลั่นแกล้ง จะกลั่นแกล้งคนที่อ่อนแอกว่า และจะทำไปโดยไม่มีความรู้สึกสงสารหรือเห็นใจเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งถึงแม้ว่าเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งจะขอร้องให้หยุดก็ตาม
การรังแก กลั่นแกล้ง สามารถแสดงผ่านได้หลายทางไม่ว่าจะเป็น ผ่านทางการกระทำ ผ่านทางคำพูด หรือผ่านทางโลกออนไลน์
การกลั่นแกล้งผ่านการกระทำ การรังแกชนิดนี้รวมถึงการ ชก ต่อย เตะ ถ่มน้ำลาย กระชากผม ตบตี          
การกลั่นแกล้งผ่านคำพูด  เป็นการพูดเยาะเย้ย ถากถาง ล้อปมด้อย อาจจะดูว่าการรังแกด้วยการใช้ถ้อยคำนั้นไม่รุนแรงเท่าการชกต่อยแต่แท้ที่จริงแล้วมันสารถทำให้เด็กที่โดนรังแกเกิดปมด้อยขึ้นในอนาคตได้
 

พ่อแม่ต้องอ่าน!!! อยากให้ลูกเป็นเด็กดี ต้องแยก 3 พฤติกรรมนี้ให้ออก
          การกลั่นแกล้งผ่านความสัมพันธ์  เป็นการกลั่นแกล้งที่มักจะโยงไปถึงของความสัมพันธ์ของเพื่อน เช่นการแย่งเพื่อนสนิท การปล่อยข่าวลือ การแบนเพื่อนในห้อง  
          การกลั่นแกล้งผ่านโลกไซเบอร์  คือการกลั่นแกล้งที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะผ่านโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป หรืออุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ มีความเป็นไปได้สูงที่จะการกลั่นแกล้งชนิดนี้จะเกิดขึ้นอย่างซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะว่าโลกไซเบอร์นั้นคือโลกไร้พรมแดน ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้และสามารถจะพิมพ์หรือทำอะไรก็ได้โดยไม่มีใครรู้ได้ว่าใครคือใคร

          ทั้งนี้การแยกพฤติกรรมหยาบคาย นิสัยเสีย และ เกเร ออกจากกันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้ผู้ปกครอง คุณครู หรือคนตระหนักในการสังเกตพฤติกรรมของเด็กๆและเรียนรู้วิธีการรับมือกับเด็กแต่ละประเภทได้อย่างถูกวิธีนั่นเอง  และต้องไม่ลืมว่าเด็กก็คือเด็ก สามารถทำผิดพลาดได้เสมอ พวกเขายังต้องการการเรียนรู้จากคุณอีกมาก สิ่งแรกที่คุณต้องทำเมื่อพบพฤติกรรมเหล่านี้ก็คือ ใจเย็นและค่อยๆแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ความหวังดีจากหัวใจจะช่วยเยียวยาและทำให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ในที่สุด

พ่อแม่ต้องอ่าน!!! อยากให้ลูกเป็นเด็กดี ต้องแยก 3 พฤติกรรมนี้ให้ออก