สืบพยานฝ่ายจำเลย!! หลังพยานโจทก์ปากที่ 3  ยอมรับตามเอกสารว่าสารวัตรคนเดิมไปเบิกความให้ตนได้ลดโทษ #ก๊วน 8 ตำรวจยัดยาปล้นทรัพย์

สืบพยานฝ่ายจำเลย!! หลังพยานโจทก์ปากที่ 3 ยอมรับตามเอกสารว่าสารวัตรคนเดิมไปเบิกความให้ตนได้ลดโทษ #ก๊วน8ตำรวจยัดยาปล้นทรัพย์

"ทนายตั้ม"ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้มีการเข้าช่วยเหลือ สองสามีภรรยาเป็นแค่พ่อค้าแม่ค้าขายลูกชิ้นคู่หนึ่งชาวแม่กลอง ถูกจับกุมในคดีค้ายาเสพติด เเละได้ติดตามกระชากโฉมหน้า ก๊วน 8 ตำรวจยัดยา ปล้นทรัพย์ นั้น ความคืบหน้าล่าสุดก่อนหน้านั้น เผยตัวละครใหม่ พยานโจทก์ปากที่ 3  นายกันต์ยอมรับตามเอกสารว่า สารวัตรคนเดิมไปเบิกความให้ตนได้ลดโทษในคดีที่กันต์เป็นจำเลย แล้วที่รับอาสามาเบิกความในศาลเป็นพยานโจทก์ เเละล่าสุด"ทนายตั้ม" ได้เผยว่า

อ่านข่าวก่อนหน้า

http://www.tnews.co.th/contents/342140  เผยตัวละครใหม่!! “พยานโจทก์ปากที่ 3” พบสารวัตรตามไปถึงเรือนจำ เบิกความเท็จเพื่อแลกลดโทษ #ก๊วน 8 ตำรวจยัดยา ปล้นทรัพย์

 

 

คดีนี้เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จก็ถึงคิว สืบพยานฝ่ายจำเลยบ้าง ผมอ้างพยาน 6 ปาก คือ เปิ้ล ตูน พี่สาวเปิ้ล ป้าแม่บ้านพนักงานสอบสวนที่แม่กลอง และรองผู้กำกับที่เป็น 1 ใน 8 ก๊วนตำรวจ
แล้วก็ภาพถ่าย แผนที่ พยานเอกสารเป็นหางว่าว จริงๆในการสืบคดีอาญาหากเราถามพยานโจทก์ให้เบิกความแตกต่างกันแล้วพยานจำเลยแทบจะไม่จำเป็น เพราะแสดงว่าที่โจทก์ฟ้องเรามามีข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงไหม ซึ่งคดีนี้หลังจากที่ผมถามค้านพยานโจทก์เสร็จผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด แต่เพื่อให้ชัดเจน ชัดแจ้ง และเพื่อความรัดกุม ผมก็ต้องนำสืบพยานจำเลยทุกปากที่สำคัญตามที่ระบุพยานไว้ก่อนหน้านี้
เปิ้ล-ตูน เป็นพยานคู่เพราะอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน การรู้เห็นเรื่องราวต้องสอดคล้องต้องกัน
พี่สาวเปิ้ลเบิกความในเรื่องวันไปเจรจาเพื่อให้ศาลได้พิจารณาว่าหากก๊วนตำรวจไม่ได้ทำผิด จะต้องเคลียร์กับจำเลยทำไม ไม่มีเหตุผลที่ตำรวจต้องมาขอร้องให้ เปิ้ล-ตูน ถอนฟ้องถ้าตนไม่ได้ทำผิดจริงอย่างที่กำลังถูกดำเนินคดีอยู่ในตอนนี้
ป้าแม่บ้านเป็นประจักษ์พยานสำคัญให้ศาลเห็นว่ามีการจับเปิ้ล-ตูน ในเวลา 13.00 น. ไม่ใช่ 16.00 น.หรือ 18.00 น. และไม่ใช่จับที่เขตสมุทรสาคร อย่างที่ตำรวจเบิกความเท็จ และทำเอกสารเท็จแต่อย่างใด
พนักงานสอบสวนที่แม่กลอง เพื่อประกอบสำนวนว่า มีการแจ้งความจริง แล้วผมก็ไม่คิดว่าคงไม่มีใครกล้าปรักปรำหรือใส่ร้าย ตำรวจที่เป็นชุดสืบ ระดับรองผู้กำกับ สารวัตร หรือผู้กอง หากพวกนี้ไม่ได้กระทำผิดจริง
และปากสุดท้ายเป็นรองผู้กำกับ 1 ใน 8 ก๊วนตำรวจ ที่ผมขอหมายเบิกตัวรองมาด้วยเพราะหากผมถามพยานตำรวจ 2 ปากไม่แตก (กรณีซ้อมมาดี เดาทางผมได้) ผมจะได้เอารองมาเบิกความด้วย แต่คราวนี้จะยากหน่อย ตรงที่พอเป็นพยานฝ่ายเรา เราจะใช้คำถามนำ ให้ตอบใช่ ไม่ใช่เหมือนวันแรกไม่ได้แล้ว พอมาเป็นพยานฝ่ายเรา ต้องใช้การซักถาม แบบคำถามปลายเปิด เรื่องนี้เกิดเหตุยังไง เมื่อไหร่ คือให้พยานเล่า แล้วรองจะเบิกความเป็นประโยชน์กับเราเหรอ ถ้าเบิกความปรปักษ์กับเรา เราสามารถขออนุญาตศาลถามนำได้ ผมก็คิดว่าหากถึงตอนนั้นจริงๆก็คงต้องขออนุญาตศาลเพื่อเค้นความจริงให้ได้ล่ะ
แต่อย่างที่ผมบอก(หาก)ถามตำรวจ 2 คนไม่แตกถึงจะเอารองขึ้นเบิกความ แต่หลังจากสืบพยานโจทก์วันแรกเสร็จ ผมคิดว่ารองไม่จำเป็นต้องขึ้นเบิกความคดีนี้แล้ว แต่ผมก็ได้ส่งหมายไปก่อนหน้านี้บังคับให้มาศาลในวันสืบพยานจำเลยแล้ว ยังคิดว่ารองจะมาไหม จะกล้าขัดหมายศาลไหม ผมก็ยังนึกลุ้นๆอยู่
เพราะตอนผมไปยื่นหมายเรียกพยานเอกสารต่างๆ หรือหมายเรียกพยานบุคคลคือรองคนนี้ ผมต้องขอหมายจากศาลไปบังคับ ซึ่งผมต้องเอาหมายไปยื่นในถ้ำเสือ ในโรงพักที่พวกเค้าทำงาน มันก็คืองานไม่ง่ายอีกเช่นกัน ผมไปยื่นถ้าไม่มีใครรับ ก็ไม่ถือว่าผมส่งหมายโดยชอบอีก แต่ถ้าไม่ไปยื่นเอกสารสำคัญต่างก็อยู่กับตำรวจหมด ผมไม่มีทางเอามาได้ไม่ว่าด้วยวิธีใด วันไปยื่นจริงๆจะให้ทีมงานใครไปก็ได้แต่ผมคิดว่าต้องโดนโยกโย้ไม่รับหมายศาลแน่นอน ผมต้องไปด้วยตนเอง
ย้อนกลับไปวันส่งหมาย ผมไปกับน้องทีมงาน 2 คน เมื่อไปเหยียบโรงพักนี้ แน่นอนความรู้สึกไม่ดีเลย เพราะเรื่องมันเข้มข้นขึ้นทุกขณะ มันจะสืบพยานในศาลกันแล้ว
ผมไปถึงแจ้งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอกมาส่งหมายศาล เจ้าหน้าที่เหลือบมองหน้าผมแล้วบอกว่า เค้าไม่มีหน้าที่รับหมาย หมายถึงใครไปส่งคนนั้น หัวหมายถึงหัวหน้าสถานีคือผู้กำกับ ผมเลยถามผู้กำกับอยู่ไหม เจ้าหน้าที่บอกไม่อยู่ อ้าวแล้วผมจะส่งใครได้อีก? ไล่ผมขึ้นไปข้างบน ผมขึ้นไปห้องอำนวยการ ไม่มีใครยอมเซ็นรับหมายให้ผมซักคน ผมก็ไม่อยากเสียเวลามาหลายรอบ พอดีเจอสารวัตรอำนวยการผ่านมาเลยบอกว่าหมายน่ะ ผมส่งให้ใครก็ได้ คุณรับ คุณก็ไปให้ผู้กำกับหรือพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ตะล่อมอยู่นานในที่สุดก็ยอมเซ็นรับหมาย ผมคิดในใจดีนะสารวัตรไม่รู้จักผมแล้วก็ไม่ได้อ่านหลังหมายว่าผมขออะไรไปบ้าง
นอกจากที่เรียกรองไปเป็นพยานแล้ว มีพยานเอกสารคือคำให้การของตำรวจ คำให้การของกันต์ในคดีเปิ้ล-ตูน ที่ผมอยากเห็น และเอกสารอื่นๆ แต่เชื่อกันไหมเค้าไม่ส่งเอกสารพวกนี้ไปศาล โดยผู้กำกับอ้างว่าส่งเอกสารดังกล่าวให้อัยการหมดแล้ว ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะรู้นี่คือข้ออ้าง เพราะผมรู้ว่าเวลาพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการก็ต้องถ่ายสำเนาเก็บไว้อยู่แล้วนี่คือข้ออ้างเท่านั้น ซึ่งยิ่งไม่ส่งแสดงว่าต้องมีอะไร คำให้การชั้นสอบสวนไม่ตรงกันแน่นอน บอกว่าอยู่กับอัยการใช่ไหม ผมก็ขอหมายศาลใหม่อีกครั้ง ขอคำให้การชั้นสอบสวนของตำรวจ 2 นายที่จะเบิกความ กับของนายกันต์ แต่คราวนี้ทำหมายเรียกไปที่พนักงานอัยการ ผมทำไป 2 คดี มีบัลลังค์นึงไม่อนุญาต!! ให้ผมขอ โดยอ้างเหตุว่า เดี๋ยวอัยการโจทก์ก็ต้องส่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่ผมขอหมายไป ยกคำร้อง!! ผมก็ได้แต่คิดในใจ "ทำมายยยยยยย" (วินาทีนั้นผมนึกถึงผมไปเดินเล่นในสวนดอกลาเวนเดอร์โอ้วโลกนี้ช่างสวยงาม) แล้วถ้าอัยการโจทก์ไม่ส่งตอนสืบล่ะ ท่านไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เหรอ? คุณผู้อ่านเชื่อไหม มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ และทั้งคดีเปิ้ล และตูน อัยการไม่ส่งคำให้การชั้นสอบสวนของตำรวจ 2 นายตอนสืบพยานโจทก์
ผมก็ไม่อยากต่อว่าใคร แต่ผมได้แกล้งถามอัยการตอนสืบพนักงานสอบสวน เอ่อ..ท่านอัยการครับขอดูคำให้การชั้นสอบสวนของตำรวจที่มาเบิกความหน่อยครับ อัยการรีบบอกผมเลยอ๋อ...ผมไม่ได้ยื่น(ต้องเข้าใจว่าเป็นสิทธิของเค้า) ผมก็แกล้งโง่ถามว่าท่านไม่ได้ยื่นเหรอ แล้วหันไปมองบน อ่อผมจำได้ผมขอหมายไปนี่นา คราวนี้ท่านทำหน้าxx ผมรีบพูดตัดบทเลย อ้าว..แล้วยกคำร้องผมไปทำไม ไหนท่านบอกเค้าต้องส่งอยู่แล้วไง??
ผมคิดว่าประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญซึ่งอันนี้ผมถือเป็นบทเรียนที่ดี สรุปผมก็ไม่มีพยานเอกสารนี้ติดสำนวนในคดีตูน
แต่ผมคิดว่าศาลสูงต้องเห็นพิรุธจุดนี้ ถ้าเอกสารนั้นไม่มีอะไร ก็ควรต้องส่งใช่ไหม

กลับมาเรื่องสืบพยานจำเลยกันดีกว่า คดีนี้เป็นคดีที่เปิ้ลเป็นจำเลย เปิ้ลสาบานตัวแล้วสืบก่อน คำเบิกความเปิ้ลก็เหมือนที่เล่าไปก่อนหน้านี้ ตูนก็เช่นกัน ถูกจับที่แม่กลอง โดนปล้นทองในรถ พามาโรงพักบังคับให้รับสารภาพ พาไปทำแผนถ่ายรูป กลับโรงพัก ฝากขัง ส่งเรือนจำ หาเงินประกันตัว แล้วก็ออกมาหาผม รายละเอียดดูในตอน #1
สืบเปิ้ล-ตูนเสร็จ ให้พี่สาวตูนเบิกความเรื่องเทปลับ มีตัวละครใครบ้างที่มาเจรจาให้จบ ได้รับข้อเสนออะไรบ้างผมเล่าไปแล้วในตอนก่อนหน้านี้
มาถึงพยานปากสำคัญ "ป้าแม่บ้าน" อย่างที่ผมเคยเล่า ป้าแม่บ้านแกไม่ยอมมาง่ายๆเลย ผมไปหาป้าหลายครั้งมาก เอาหมายไปยื่นแกก็ไม่เซ็นรับหมาย แกได้แต่บอกไม่อยากยุ่ง แกกลัว แกกลัว ผมก็ปลอบใจต่างๆนาๆ จนในที่สุดป้ายอมเซ็นพอเซ็นเสร็จจะไม่ไปอีก ผมต้องขู่ว่าถ้าไม่ไปมีโทษฐานขัดหมายศาลนะ จนในที่สุดป้าก็ยอมรับปากว่าจะไปศาลตามกำหนดนัด พอถึงวันนัด ลุ้นแรกคือ ป้าจะมาไหม พอเห็นป้าในชุดปตท.มาอุ่นใจไปเปราะ ลุ้นต่อมาป้าจะเบิกความแบบไหน ป้าขึ้นศาลครั้งแรก แลวิตกและเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ผมก็ถามว่าป้าทำงานที่ปั้มมานานยังครับ ป้าก็บอกวันนั้นมีชายฉกรรจ์หลายคน.... ป้ากำลังจะพูดต่อ ผมบอกป้าๆ ใจเย็นๆก่อน (แลป้าอยากรีบๆเบิกความแล้วรีบกลับ) ผมถามว่าป้าทำงานมานานแค่ไหนแล้ว ป้าก็บอกว่าเป็นแม่บ้าน อยู่ปั้มนี้มา 5 ปีแล้ว
ผมก็ถามแล้วให้ป้าเล่ามาเรื่อยๆ ป้าบอกวันเกิดเหตุ เวลาประมาณบ่ายโมงป้าทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ เห็นชายฉกรรจ์ 7-8 คน มาค้นตัวเปิ้ล ตูน ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ชายดังกล่าวพาตูนขึ้นรถไป ป้าได้ไปดูเปิ้ลในห้องน้ำ พอออกจากห้องน้ำมีชายฉกรรจ์ถามป้าว่าเปิ้ลมีสิ่งผิดกฎหมายไหม ป้าบอกว่าไม่มี ชายอีกกลุ่มก็พาเปิ้ลขึ้นรถกระบะไป
หลังจากนั้นมีกลุ่มชายดังกล่าวมาขอดูกล้องวงจรปิด ซึ่งผมเอารูปตำรวจที่มาวันนั้นชี้ให้ป้าดู ป้ายืนยันว่าจำได้ คือรองผู้กำกับ สารวัตร และดาบ ตรงตามที่เคยให้การไว้กับพนักงานสอบสวนที่แม่กลอง เบิกพยานปากนี้เสร็จผมโล่งมากๆเลย
เพราะพยานปากนี้สำหรับผมถือว่ามีน้ำหนัก เป็นพยานคนกลาง ที่ไม่มีส่วนได้เสียในคดี ไม่มีเหตุจูงใจให้ต้องมาเสี่ยงคุกโกหกบนศาล แล้วให้การเป็นปฏิปักษ์กับตำรวจใกล้ที่ทำงานอีก ให้สินจ้างเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม
ปากนี้โจทก์ไม่ลุกขึ้นมาถามค้านอะไรมาก เพราะคงคิดว่าถามมากก็ไม่เป็นผลดีกับคดีตนเอง
พอเสร็จปากนี้ผมก็ต้องเอาพนักงานสอบสวนที่สภ.เมืองสมุทรสงคราม เบิกความต่อ เค้าก็ยืนยันว่า เปิ้ล-ตูน ไปแจ้งความดำเนินคดี ก๊วน 8 ตำรวจจริง ซึ่งเค้าได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐดำเนินการต่อแล้ว และก็ได้มีการสอบปากคำป้าแม่บ้าน พร้อมส่งคำให้การป้าแม่บ้านต่อศาล เมื่อผมจะถามถึงว่าได้มีการเจรจากันที่โรงพักแม่กลอง พนักงานสอบสวนท่านนี้ก็หันหน้ามาหาผมแล้วเหมือนกับอยากให้ผมหยุดถาม ผมก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องทำให้พยานปากนี้ต้องลำบากใจจึงหยุดถามต่อ
มาถึงตอนนี้ก็เกือบเย็นแล้ว ผมเดินออกมาเจอพยานปากสุดท้ายที่ผมอ้างไว้ รองผู้กำกับแลซูบผอมไปกว่าเก่าเยอะมาก รองได้มาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อยว่า เมื่อวานลูกน้องพี่บอกเล่นเค้าหนักเลยเหรอ ทนายตั้มอยู่ในบัลลังค์เหมือนเป็นคนละคนกับที่เคยเจอข้างนอก ผมก็ตอบไปว่า ก่อนสืบผมก็บอกแล้วว่าสู้กันเต็มที่ เอาอย่างนี้ผมไม่สืบรองล่ะ รองกลับบ้านได้เลย รองก็เอามือมาจับผมพร้อมขอบคุณ ก็อย่างที่บอกผมคิดว่าไม่จำเป็นสำหรับคดีแล้ว อีกอย่างอนาคตแกน่าจะโดนคดีเยอะไปหมดกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่อยากให้โดนคดีเบิกความเท็จเหมือนตำรวจ 2 คนที่มาเบิกความก่อนหน้านี้อีก
ผมแถลงศาลหมดพยาน ศาลนัดฟังคำพิพพากษาในวันที่ 7 มิถุนายน 2560 แต่ผมยังไม่สนใจเรื่องวันตัดสิน เพราะหลังจากนั้นผมต้องเตรียมคดีเพื่อสืบตูนต่อในอีกแค่ไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งอัยการโจทก์ และตำรวจรู้หมดแล้ว ว่าผมมีไพ่ในมือกี่ใบ ซึ่งผมใช้หมดไปแล้ว ตำรวจรู้หมดแล้วว่าผมมีหลักฐานอะไร จะถามยังไง แล้วเค้าควรจะตอบยังไง จึงเป็นงานยาก(อีกแล้ว) สำหรับผม
ตอนแรกว่าจะให้จบในตอนนี้แต่สงสัยต้องมีต่อตอนที่ 10 เพราะพอผมเล่าไป ผมนึกย้อนอะไรได้ก็จะเล่าหมดเพราะผมคิดว่ามันเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่รู้กฎหมาย หรือน้องๆทนายใหม่ๆ จะได้รู้เล่ห์เหลี่ยม หรือความเขลา จะได้สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้หากเกิดกับตัวเองหรือคนใกล้ชิด ฉะนั้นหากเห็นว่าเป็นประโยชน์ช่วยกันแชร์เป็นวิทยาทาน หากมีใครเจอเหตุการณ์แบบนี้เราอาจช่วยเค้าได้เป็นบุญกุศลโดยไม่รู้ตัวนะครับ
มีหลายคนถามกันมาตอนทำคดีไม่กลัวเหรอ ผมพูดเต็มปากได้เลยว่า "กลัว" แต่ไม่ได้กลัวอันตราย ผมกลัวช่วยคนบริสุทธิ์ไว้ไม่ได้มากกว่าครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม
#มูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ

สืบพยานฝ่ายจำเลย!! หลังพยานโจทก์ปากที่ 3  ยอมรับตามเอกสารว่าสารวัตรคนเดิมไปเบิกความให้ตนได้ลดโทษ #ก๊วน 8 ตำรวจยัดยาปล้นทรัพย์

 

มหากาพย์ ก๊วน 8 ตำรวจยัดยา ปล้นทรัพย์ จะปิดฉากอย่างไร คอยติดตามกันต่อนะคะ

ขอบคุณ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ