รู้แล้วแชร์ต่อ!! หากไม่อยากอายุสั้น...อย่านำของ 14 อย่างต่อไปนี้เข้าไมโครเวฟ

ไมโครเวฟนั้นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหนึ่งประเภทที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้เรา ยิ่งกับคนสมัยใหม่บวกกับชอบซื้ออาหารสำเร็จมาตุนไว้แล้วละก็ยิ่งเป็นเครื่องมือทุ่นแรงได้อย่างดี ใช้ได้การอุ่น ต้ม สามารถทำได้อย่างสบาย และรวดเร็ว ประหยัดเวลา แต่ทุกคนก็ควรที่จะต้องรู้จักวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง เพราะมีหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าอะไรสามารถนำไปเวฟได้ และอะไรที่ไม่ควรนำเข้าเวฟไม่งั้นจะเกิดอุบัติเหตุจากไมโครเวฟ

รู้แล้วแชร์ต่อ!! หากไม่อยากอายุสั้น...อย่านำของ 14 อย่างต่อไปนี้เข้าไมโครเวฟ

1. พลาสติกและโฟม
ต้องบอกว่าไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะพลาสติกและโฟมมีอุณหภูมิจุดหลอมเหลวต่างกันไป การนำพลาสติกที่มีจุดหลอมเหลวต่ำเข้าไมโครเวฟจะทำให้เกิดการหลอมละลายของภาชนะจนเสียรูป และอาจละลายลงไปในอาหารได้ ดังนั้นหากจะใช้ภาชนะพลาสติกหรือโฟมก็ต้องสังเกตเครื่องหมายที่ติดอยู่กับภาชนะว่าสามารถนำเข้าเตาไมโครเวฟได้หรือไม่ และทางที่ดีไม่ใช้ภาชนะจากโฟมจะดีกว่า หากไม่มีทางเลือกก็ต้องดูด้วยคะว่าหลังจากเรานำพาชนะที่เป็นโฟมเข้าไปแล้ว เมื่ออกมามีรูปทรงที่บิดเบี้ยวแตกต่างจากเดิมหรือไม่ ถ้ามีแนะนำว่าไม่ควรทานเด็ดขาด

2.ภาชนะที่เป็นโลหะ
เหตุที่เป็นภาชนะโลหะไม่ได้ก็เนื่องมาจากเมื่อคลื่นไมโครเวฟถูกส่งผ่านไปยังส่วนที่เป็นโลหะ จะทำให้กระแสไฟฟ้าและเกิดความร้อนขึ้นบริเวณนั้น และสิ่งที่คนทั่วไปไม่ได้คิดถึงคงจะเป็น ไฟที่อาจจะลุกไหม้ขึ้นได้ ซึ่งตัวภาชนะไม่ได้มีการหลอมละลายหรือระเบิด แต่จะมีสารปะปนไปยังอาหารและทำให้เกิดอันตรายกับเราได้ ซึ่งไม่คุ้มแน่ๆถ้าจะต้องเข้าโรงพยาบาล

3.เครื่องกระเบื้องเคลือบ
กระเบื้องเคลือบนั้นมีส่วนผสมของโลหะและมีลวดลายมากมาย ซึ่งไม่มีความทนทานความร้อนได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งอาจจะทำให้ภาชนะอาจแตกหรือร้าวได้

4.ฟอยล์ห่ออาหาร พลาสติดใสเคลือบอาหาร
ตามร้านอาหารที่มีการหุ้มด้วยฟอยล์ ก่อนน้ำเข้าไมโครเวฟทุกครั้งต้องนำฟอยล์ออกก่อนเพื่อนป้องกันความร้อนที่จะทำให้เกิดการลุกไหม้ ได้ ส่วนพลาสติดเคลือบอาหารนั้นปััจุบันจะพบในรูปแบบของอาหารสำเร็จที่มีการกันด้วยพลาสติกใสไว้ ซึ่งต้องอย่าลืมเอาพลาสติกใสนั้นออกด้วย เพราะจะทำให้มีสารก่อมะเร็งได้

5.ไข่
ไข่นั้นถือเป็นอาหารอีกชนิด ที่ถูกทำให้เกิดความร้อนด้วยคลื่นไมโครเวฟแล้วเกิดระเบิดขึ้นมา ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าไข่มีเปลือกแข็งและมีเยื่อหุ้มไข่ขาวที่เหนียว ทำให้สามารถทนรับแรงดันได้สูง ไมโครเวฟทำให้น้ำในไข่ร้อนจนกลายเป็นไอ เมื่อมีใครไปกะเทาะเปลือกไข่ แรงดันทั้งหมดก็จะพุ่งออกมาจากจุดที่ถูกกะเทาะนั้นทำให้เกิดการพุ่งระเบิดออกมาพร้อมกันในคราวเดียว การบาดเจ็บที่เกิดจากไข่ในไมโครเวฟมีได้ตั้งแต่ถูกไข่ร้อน ๆ ลวกใบหน้าไปจนกระทั่งเศษเปลือกไข่ทิ่มทะลุเข้าไปในลูกตา การลวกหรือปรุงอาหารประเภทไข่ในไมโครเวฟ จึงควรทำโดยการตอกไข่ออกมาจากเปลือกและจิ้มส่วนไข่แดงให้แตกก่อนนำเข้าไมโครเวฟ

6.น้ำเปล่า
เมื่อใส่น้ำลงในเครื่องไมโครเวฟจะทำให้น้ำมีความร้อนสูงขึ้นจนทำให้เกิด การเปลี่ยนเป็นไอน้ำพร้อม ๆ กันแล้วพุ่งระเบิดขึ้นจากแก้วได้ วิธีป้องกันคือการใส่ช้อนหรือตะเกียบไม้ลงไปในน้ำนั้น เพื่อให้น้ำมีจุดให้เกาะ และกลายสภาพเป็นไอโดยไม่เกิดการระเบิดพุ่ง หรือหากจะชงกาแฟหรือนม ก็ให้ผสมส่วนผสมลงไปตั้งแต่แรก ก็จะป้องกันได้เช่นกันคะ

7.นมแม่
สำหรับคุณแม่ การให้น้ำนมลูกนั้น นอกจากจะเพื่อให้เด็กเจริญเติบโตแล้ว ยังเป็นการเพิ่มแอนติเจน หรือภูมิคุ้มกันร่างกายนั่นเอง แต่หากนำนมเอาแม่ที่คั้นแล้วไปอุ่นในไมโครเวฟ ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ เนื่องจากอุณภูมิที่พอเหมาะของไมโครเวฟจะทำให้เชื้อแบคทีเรียอีโคไลในน้ำนมเติบโตขึ้นถึง 18 เท่า อาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กได้

รู้แล้วแชร์ต่อ!! หากไม่อยากอายุสั้น...อย่านำของ 14 อย่างต่อไปนี้เข้าไมโครเวฟ

8.ผักต่างๆ และบล็อคโคลี่
การใช้ความร้อนในการทำอาหารประเภทผัก ไม่ว่าจะเป็น นึ่ง หุง ต้ม ผัด หรือทอด ต่างก็ทำให้สูญเสียสารอาหารในผักทั้งสิ้น ทั้งนี้อัตราการสูญเสียก็แล้วแต่วิธีการที่แตกต่างกันไป และจากผลการวิจัย การนำผักบล็อคโคลี่ไปใช้กับไมโครเวฟ ทำให้สูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักถึง 97% เลยทีเดียว

9.ผลไม้แช่แข็ง
การแช่แข็งผลไม้หลังการเก็บเกี่ยวเป็นอีกวิธีที่จะรักษาคุณค่าทางอาหารของผลไม้นั้นๆได้ และเราคงจะเคยเห็นในห้างสรรพสินค้า ที่มีการนำเอาผลไม้แช่แข็งมาวางขายกันบ้าง แต่จากผลการวิจัย การนำเอาผลไม้แช่แข็งไปใช้กับไมโครเวฟ จะทำให้น้ำตาลที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในผลไม้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นสารก่อมะเร็ง

10.เนื้อสัตว์ แช่แข็ง
การนำเอาเนื้อสัตว์แช่แข็งไปละลายในไมโครเวฟ จะทำให้เชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเจริญเติบโต ดังนั้นจึงควรทำให้หมดในครั้งเดียว ไม่ควรเก็บไว้ทำอาหารในครั้งต่อไป นอกจากนี้ผลการวิจัยจากญี่ปุ่นเผยว่า การนำเอาเนื้อสัตว์ไปทำอาหารในไมโครเวฟเกิน 6 นาที จะทำให้วิตามิน B-12 ในเนื้อสัตว์ลดลงไปครึ่งหนึ่งเลยล่ะ วิธีการที่ดีที่สุดในการละลายน้ำแข็งของเนื้อสัตว์แช่แข็งก็คือการนำไปแช่น้ำหรือแช่ตู้เย็นช่องธรรมดา เป็นเวลาหนึ่งคืน

11. กระติกน้ำเก็บอุณหภูมิแบบพกพาและภาชนะสเตนเลส
ใช่ว่ากระติกน้ำเก็บอุณหภูมิแบบพกพาที่ทำมาจากสเตนเลสจจะอุ่นด้วยไมโครเวฟได้ เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟขณะที่นำภาชนะเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟ อีกทั้งยังส่งผลให้มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายเจือปนมากับน้ำหรืออาหารด้วย

12. เสื้อผ้า
อย่าคิดแผลง ๆ นำเสื้อผ้าไปฆ่าเชื้อโรคในไมโครเวฟโดยเด็ดขาด เพราะแตกต่างจากการอบด้วยเครื่องอบผ้าโดยสิ้นเชิง เนื่องจากรังสีความร้อนจากไมโครเวฟจะแผดเผาเสื้อผ้าจนทำให้เกิดประกายไฟหรือไม่ก็แห้งกรอบจนใส่ไม่ได้ ส่วนเสื้อผ้าที่มียางยืดก็อาจจะย้วยจนเสียทรง ฉะนั้นใช้วิธีตากแดดหรือทางลัดอื่นเพื่อให้เสื้อผ้าแห้งเร็วขึ้นจะดีกว่า

13. พริกเผ็ดร้อน
ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าพริกนั้นเผ็ดร้อนขนาดไหน หากนำไปอบในไมโครเวฟโดยตรงแล้วละก็ ตอนเปิดประตูไมโครเวฟไอร้อนก็จะพัดพาสารที่ให้ความเผ็ดร้อนในพริกกระจายออกมา และทำให้เกิดอาการแสบตา แสบคอ ถึงขั้นหายใจติดขัด หมดอารมณ์ทำกับข้าวต่อกันเลยทีเดียว

14. ชามอุ่นอาหารที่ไม่มีฝาปิด
อย่าคิดว่าอาหารที่นำเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟจะออกมาหน้าตาสวยงามหากไม่มีฝาปิดชาม โดยเฉพาะอาหารจำพวกที่มีน้ำเป็นส่วนผสม เช่น แกงต่าง ๆ หรือมีส่วนผสมของซอสมะเขือเทศเยอะ ๆ เพราะเมื่ออาหารร้อนจัดก็จะประทุตัวออกจากชามและกระเด็นติดเต็มไมโครเวฟ หากไม่อยากตามล้างตามเช็ดไมโครเวฟทีหลังก็อย่าลืมปิดฝาภาชนะที่เอามาใส่อาหาร

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก housebeautiful, huffingtonpost และ girlsfriendclub