ทวนความจำ:คนใกล้ตัว !?! เจ้าคณะใหญ่หนกลาง พูดกลางวงประชุม พระระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาสขึ้นไป ใครเข้ามาหวังลาภสักการะ ก็ไม่ต่างจากกาฝากศาสนา???

จากกรณีเจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ตรวจสอบคดีทุจริตเงินทอนวัด ต่อมาเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่วัดลาดแค จ.เพชรบูรณ์ เพื่อตรวจสอบว่า พระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค และเจ้าคณะอำเภอชนแดน ซึ่งเป็น1ใน4 ของพระที่มีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต เพื่อแจ้งข้อหาแต่ไม่พบพระครูกิตติพัชรคุณ จึงออกหนังสือเชิญ พระครูกิตติพัชรคุณ และพระสงฆ์อีก 3 รูป คือ พระราชรัตนมุนี เลขาสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพิชยญาติการามฯ พระเทพเสนาบดี เจ้าอาวาส วัดกวิศรารามฯ ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี และเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี พระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดราชสิทธารามฯ ย่านบางกอกใหญ่ กทม. ให้มารับทราบข้อกล่าวหา

ทั้งนี้พบว่าพระสงฆ์ทั้ง 4รูป มีความผิดตามมาตรา 147 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ มาตรา 68 การให้ความสะดวก สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด โดย ปปป. ได้ส่งหนังสือไปยัง มหาเถรสมาคม หรือ มส. และ สำนักงานพระพุทธศาสนา หรือ พศ. เนื่องจากเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของพระสงฆ์ ทั้ง 4 รูป เพื่อแจ้งความผิดทางอาญา หรือจะดำเนินการทางวินัยสงฆ์

 

ย้อนไปเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2559 ที่ศาลาอบรมสงฆ์ วัดสามพระยา มีการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดในเขตปกครองคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร โดยมีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นประธานเปิดการประชุม โดยสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กล่าวเปิดการประชุมว่า

 

หากผู้ที่ดำรงตำแหน่งพระสังฆาธิการตั้งแต่ระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส เจ้าอาวาส เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังเพียงลาภสักการะ ชื่อเสียง เกียรติยศ ก็ไม่ต่างอะไรจากกาฝากของพระพุทธศาสนา และจะนำมาซึ่งหนทางแห่งความเสื่อมในพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาก็เปรียบได้กับต้นไม้ใหญ่หากคณะสงฆ์ปล่อยให้กลุ่มกาฝากดังกล่าวเจริญเติบโตก็จะทำให้พระพุทธศาสนาถูกทำลาย