น้ำตาของพ่อ!! ลุงพิการ สู้ชีวิตลำพังอาศัยนอนป่าช้า หวังรอรอลูกชายออกจากคุก

วันที่ 22 ต.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Poramet Misomphop ได้เผยเรื่องราวของคุณลุงท่าหนึ่งโดยระบุว่า " น้ำตาของพ่อ "
ใครจะมองลูกลุงเป็นคนเลว ยังไงเค้าก็คือ ลูก ของลุง ลุงยังตายไม่ได้ มันจะผ่านไปกี่ปี ลุงจะรอเค้ากลับมา หนูกู้ภัย..ฝากข้อความถึงลูกลุงด้วย..
ถ้าลุงตายไปก่อนเค้ากลับมา ลุงจะรอเค้าที่ป่าช้าแห่งนี้ให้เค้ามาอุ้มลุงเข้าเตาเผาด้วยนะ...

 

ป่าช้าที่เงียบสงบ ที่ใครหลายคนมิอาจย่างกายเข้าไป มันเป็นที่สุดท้ายของคนที่หมดลมหายใจ ปากทางเข้าป่าช้าแห่งนี้กลับมีเต็นท์เก่าๆอยู่ข้างกำแพง
ภายในเต็นท์มีชายชราวัย 61 ปีพักอาศัยอยู่

ย้อนกลับไปครั้งอดีตคุณลุงพักอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกชาย 2 คน แต่พอภรรยาลุงเสียชีวิต ลูกๆทั้ง 2 คนตัดสินใจขายบ้านซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่มีและไปเช่าบ้านอยู่ ต่อมาด้วยเหตุผลบ้างประการ ทำให้ลูกชายทั้ง 2 คนต้องถูกดำเนินคดี ติดคุก 25 ปี ลูกชายทั้ง 2 คนติดคุก เงินค่าเช่าบ้านก็ไม่มี ทำให้เจ้าของห้องเช่าต้องให้ลุงออก ลุงจึงเร่ร่อน มาพักอาศัยอยู่ปากทางเข้าป่าช้าแห่งนี้ คุณลุงต้องนอนอยู่ข้างถนน ตากแดด ตากฝน
อยู่หลายวันจนมีพลเมืองดีนำเต็นท์ มาให้คุณลุงใช้เป็นที่หลบแดด หลบฝน ปัจจุบันคุณลุงต้องกลายเป็นคนพิการด้วยอุบัติเหตุ ลื่นล้มในห้องน้ำ ทำให้ขาด้านซ้ายไม่มีแรงที่จะเดินต้องใช้ไม้เท้า 4 ขาคอยพยุงตัว

ระหว่างที่เมศนั่งคุยกับคุณลุงพอถามถึงลูกๆทั้ง 2 คน น้ำตาคุณลุงไหลออกมาตลอด มันเป็นน้ำตาของผู้เป็นพ่อที่เฝ้ารอคอยลูกทั้ง 2 คน
กลับมา.. ลุงยังตายไม่ได้ ลุงจะรอเค้า ใครจะมองลูกลุงเป็นคนเลวยังไง เค้าก็คือ ลูก ของลุง ลุงยังตายไม่ได้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีลุงจะรอเค้ากลับมา
หนูกู้ภัย...ลุงฝากข้อความถึงลูกลุงด้วย..ถ้าลุงตายไปก่อนเค้ากลับมา ลุงจะไปรอเค้าที่ป่าช้าแห่งนี้ ให้เค้ามาอุ้มลุงเข้าเตาเผาด้วยนะ มันเป็นข้อความที่คำสั่งเสียที่หดหู่และสะเทือนใจเป็นอย่างมาก...

คุณลุงได้รับเบี้ยยังชีวิตผู้พิการเดือนละ 600 บาท แต่ไม่ได้เบี้ยผู้สูงอายุ คุณลุงอยู่พักอาศัยอยู่ปากทางเข้าป่าช้าแห่งหนึ่งในจังหวัด สระบุรี
เบื้องต้นเมศได้ให้เงินส่วนตัวไว้ให้คุณลุงใช้จ่ายชีวิตประจำวันจำนวนหนึ่ง.. หากเพื่อนๆพี่ๆต้องการช่วยเหลือคุณลุงสามารถเดินทางมาเยี่ยมพูดคุยกับคุณลุงได้ตลอดครับ...( คุณลุงเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวให้เมศรับทราบและ เมศได้รับอนุญาตจากคุณลุงให้ถ่ายรูปและนำรายละเอียดพร้อมรูปถ่ายลงหน้าสื่อออนไลน์เรียบร้อยแล้วครับ )

 

 

ที่มา  Poramet Misomphop