แนะ…”วิธีปฏิบัติตนป้องกันการตกนรกแบบง่ายๆ”แต่ได้ผลจริง!!!ทำได้ทุกเวลาไม่ยุ่งยาก…เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย!!! (อ่านรายละเอียด)

บทความนี้ผู้ขอเสนอเกร็ดความรู้เรื่อง”วิธีป้องกันการตกนรกแบบง่ายๆ สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย”เพื่อเป็นแนวทางให้ท่านผู้ชมสามารถนำไปใช้นำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์อันดีงามในการดำเนินชีวิตของท่านผู้ชมทุกท่านที่มีเวลาน้อยไม่สะดวกในการไปทำบุญถือศีลปฏิบัติธรรม เนื่องจากทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ต้องประกอบสัมมาอาชีพของแต่ละคน ครั้นจะหาเจียดเวลาไปนั่งกรรมฐานยังสถานที่ปฏิบัติธรรมต่างๆ นั่นก็นับว่าเป็นอะไรที่ยากมากๆคงจะทำได้แค่คิดเอาไว้ในใจและเป็นลำดับสุดท้ายของความสำคัญเท่านั้น ด้วยเพราะเวลาว่างของแต่ละคนนั้นมีน้อยซะเหลือเกิน แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไปแล้วนะคะ วันนี้ผู้เขียนได้นำเคล็ดลับเกร็ดความรู้” วิธีป้องกันการตกนรกแบบง่ายๆ สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย”มาฝากค่ะ ซึ่งก็เป็นวิธีการง่ายๆไม่ยุ่งยากซับซ้อนอะไรแต่ทำแล้วได้ผลจริงโดยให้ท่านผู้ชมทำตามรายละเอียดที่ผู้เขียนได้บรรยายไว้ในบทความนี้นะคะแล้วคุณจะประสบผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์ โดยไม่เสียเวลาประกอบกิจการงานสัมมาอาชีพของแต่ละคนอีกด้วย และเมื่อยามที่คุณสิ้นลมหายใจตายไปดวงวิญญาณก็ไม่ตกนรกอเวจีขุมใดๆแน่นอนค่ะ

 

คลิ๊กเพื่ออ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติม..

โอกาสมาแล้ว..ขอให้เฮงๆรวยๆกันถ้วนหน้า!! หมอดูเผย คนเกิด 4 วันต่อไปนี้.. กำลังดวงดี มีเกณฑ์จะมีโชคก้อนโตก่อนปีใหม่นี้ รีบเช็คเลยอาจจะเป็นคุณ!

มาแล้ว..ต้องรีบดู!! เลขเด็ดคนเหนือดวง รวยทันใจ หวยทำมือ ชุดเต็มบน-ล่าง งวด 30 ธ.ค.นี้ เซียนหวยมีลุ้น รีบเช็คแล้วแชร์ส่งต่อความรวยด่วน!! 

กลับมาแล้ว..แผงหวยสะเทือนอีกครั้ง!! หวยทำมือ อ.คมชอบส่วนตัว ชุดสามตัวบน งวดวันที่ 30 ธ.ค. 2560 คอหวยห้ามพลาด ต้องรีบหาซื้อก่อนเกลี้ยงแผง!?!

วิธีป้องกันการตกนรกแบบง่ายๆ สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อยด้วยหลักการ”เจริญพุทธานุสสติ”

ให้จัดของบูชาพระพุทธรูปในบ้านทุกวัน หรือที่เราเรียกกันว่า” ถวายข้าวพระพุทธรูป “นั่นเองค่ะ ซึ่งของที่เราถวายก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเจาะจงสรรหามาเป็นพิเศษหรอกนะคะ เอาแค่อาหารเท่าที่เรามีอยู่ก็พอหรือผลไม้ที่หาซื้อได้ง่ายเวลาเช้าหรือตอนสายก็ได้ โดยจัดวางให้สวยงามตามแต่เราถนัด จากนั้นให้นำของที่หาได้ถวายพระพุทธรูปที่บ้าน ซึ่งต้องทำเป็นประจำนะคะไม่ใช่ปีละครั้งนะ และเวลาถวายเราจะกล่าวสาธยายบทถวายข้าวพระพุทธแบบคิดในใจหรือว่าออกเสียงก็ได้ดังนี้ค่ะ

"ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวาย ข้าว แกง และน้ำ แด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อเป็นการบูชาพระคุณ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพระพุทธเจ้าได้เข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด"

เวลาถวายให้ตั้งสติสำรวมใจให้สงบส่งสายตามองที่ องค์พระพุทธรูปด้วยความเคารพแล้วจดจำรูปของท่านไว้ตั้งใจทำอย่างนี้ทุกวัน จิตใจเราจะบังเกิดมีความคิดถึงและห่วงใยในพระพุทธรูป จิตสำนึกของเราจะฉุกคิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติเสมอว่า วันนี้เรามีของอย่างนี้ถวายท่าน วันพรุ่งนี้เราจะหาอะไรถวายท่าน การทำและคิดอย่างนี้เป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องคิดทุกวัน เมื่อจิตมีอารมณ์ว่างจากงานอื่น จิตจะคิดขึ้นมาเอง และเราก็ห่วงการถวายของแก่ท่านทุกวัน การทำอย่างนี้จนกระทั่งมีอารมณ์ชิน เมื่อถึงเวลาทนทอดทิ้งไม่ไหว ต้องหาของเท่าที่จะพึงหาได้ถวายท่าน และการที่อารมณ์จิตของเรามีการทรงตัวจริงๆอย่างนี้ท่านเรียกว่า มีฌานในพุทธานุสสติกรรมฐาน เป็นมหากุศลใหญ่ ตายเมื่อไรก็ไปสวรรค์เมื่อนั้นค่ะ

หรือท่านผู้ชมจะเลือกปฏิบัติตามวิธีที่สองนี้ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะและยังสามารถปฏิบัติควบคู่ไปกับวิธีการแรกได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งวิธีการปฏิบัติในแบบที่สองนี้ก็ คือ ให้ตั้งใจปฏิบัติบูชาพระสวดมนต์เป็นประจำตามแต่เวลาที่เราสะดวกและสามารถจะปฏิบัติวันละหนึ่งหรือสองครั้งหรือมากกว่าสองครั้งก็ได้ ด้วยวิธีการเลือกกำหนดเวลาเอาไว้ เมื่อถึงเวลานั้นต้องทำการปฏิบัติบูชาพระและสวดมนต์ และในการสวดมนต์ก็ไม่จำเป็นต้องสวดมาก ให้สวดตามที่ตัวเราพึงทำได้ เช่น สวดบทอิติปิโส ฯลฯ เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็มีบุญเหลือหลายแล้ว เพราะบทสวด อิติปิโสฯ นั้นเป็นบทสวดที่พรรณาความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ครบถ้วน หรือถ้าสวดมนต์ไม่ได้เลย ก็ใช้วิธีการบูชาแบบสั้นๆ แต่ได้ผลดีครอบคลุมครบถ้วน เช่น ตั้งนโมฯ ๓ จบ แล้วว่าดังนี้

"พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ"

ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า "ข้าพเจ้า ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง ขอถึงพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง" เพียงเท่านี้ก็ดี มีอานิสงค์มากมายค่ะ

ส่วนสำคัญที่สุดคือ เวลาบูชาให้เรา ตั้งใจจำภาพลักษณ์ขององค์พระพุทธรูป แล้วตั้งใจว่า ตามที่กล่าวมาแล้วด้วยความตั้งใจจริง ทำให้ชิน จะทำเวลาไหนก็ได้ ถ้าเหนื่อย หรืออ่อนเพลียมาก นั่งบูชาไม่ไหว ก็สามารถนอนยกมือไหว้แล้วตั้งใจคิดตามที่กล่าวมาแล้ว 
ในกรณีที่กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทาง เมื่อถึงเวลาบูชาพระก็ให้คิดในใจตามที่เราเคยปฏิบัติมา หากทำอย่างนี้จะกระทั่งเป็นอารมณ์ชิน แล้วเมื่อถึงเวลาถ้าเราไม่ได้ทำเราจะรู้สึกไม่สบายใจ ก็ให้เลือกใช้วิธีการปฏิบัติตามที่ผู้เขียนบรรยายไว้ข้างต้นได้ค่ะ แต่ถ้าหากว่าเรามีเทปหรือเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆก็สามารถใช้วิธีบันทึกเสียงธรรมะเอาไว้เวลานอนก็นำมาเปิดฟังเสียงบรรยายธรรมะที่เราชอบใจ หรือจะบันทึกเสียงพระสวดมนต์ไว้เพื่อนำมาเปิดและตั้งใจฟังก่อนนอนหลับตามปรกติทุกวัน ซึ่ง อารมณ์ใจขนาดนี้ท่านว่า” มีฌานในธัมมานุสสติกรรมฐาน “อันเป็นผลบุญใหญ่มาก ยามล่วงลับตายไปก็ไม่ตกลงนรกอเวจีขุมใดๆ แม้ไปเกิดในชาติภพใหม่ก็จะเป็นผู้ที่ฉลาดมีปัญญามาก

สรุปว่าวิธีการป้องกันการตกนรกอย่างง่ายๆนั้นมีด้วยกันหลากหลายวิธีให้เราเลือกปฏิบัติได้ดังนี้ คือ

1. การชำระหนี้สงฆ์ อันเป็นการป้องกันกรรมหนักที่จะทำให้เราต้องตกอเวจี และไม่สามารถนึกถึงกรรมดีที่เคยทำมาในขณะใกล้ตาย ซึ่งมีวิธีการง่ายๆ คือ

วิธีที่ 1.1 ในสมัยหลวงพ่อปานนั้น ท่านมักจะแนะนำให้คน ชำระหนี้สงฆ์ ครั้งละบาทสองบาทหรือสลึงสองสลึงก็ตามแต่ความพอใจของแต่ละคน บางคนไม่มีเงินก็สามารถทำบุญได้เหมือนกันโดยจะอาสามาช่วยทำงานให้วัดแทนการทำบุญด้วยปัจจัย เพื่อชำระหนี้สงฆ์ก็สามารถทำได้ ซึ่งท่านไม่ได้บังคับอะไรตามแต่สะดวก ยกตัวอย่างเช่น อาสามาช่วยดายหญ้าในบริเวณวัดโดยไม่คิดเอาเงินค่าแรงนั่นเองค่ะ ส่วนในสมัยนี้บางวัดอาจจะไม่มีหญ้าขึ้นรกให้เห็นอย่างในสมัยนั้น แต่เราก็สามารถจะทำบุญชำระหนี้สงฆ์ด้วยอาสาไปล้างห้องน้ำวัด หรือ กวาดลานวัดทำความสะอาดศาลาปฏิบัติธรรมก็ได้ค่ะ

วิธีที่ 1.2 ไปร่วมบุญกับหมู่คณะที่จัดสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอกพร้อมทั้งปิดทองทั่วทั้งองค์ แม้จะเป็นเงินเพียงบาทหรือสองบาทนั่นก็ถือว่าเป็นการทำบุญเช่นกันและได้รับอานิสงส์เช่นเดียวกัน (แต่กรณีนี้ถ้าหากเขาไม่ได้ระบุว่าเป็นการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ก็ให้เราอธิษฐานไปด้วยว่าจะขอชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน) 

2. การรักษาศีล อันเป็นการทำบุญ(ความดี)ที่ให้อานิสงส์สูงกว่าการให้ทานทั้งหมด แม้ว่าเราจะรักษาเพียงแค่ 1 ชม. หรือจะแค่เพียงข้อใดข้อหนึ่งก็ตาม

3. การให้ทาน เช่น สังฆทาน(การใส่บาตร) วิหารทาน และธรรมทาน ซึ่งไม่จำเป็นจะที่ต้องทำคราวละมากๆให้ทำตามกำลังทรัพย์ที่เรามีตามที่เราพอทำได้โดยไม่สร้างปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง หรือเป็นการเบียดเบียนต่อผู้อื่น ก็ได้รับอานิสงส์สูงสุด 

3.1 เงินหรือสิ่งของที่นำมาทำบุญต้องหามาโดยชอบธรรม ถ้าเรามีเงินน้อยแต่อยากทำบุญให้ได้อานิสงส์มากๆ ก็ให้เขียนที่หน้าซองเลยว่า เงินนี้ถวายสังฆทาน วิหารทาน และธรรมทาน (แม้จะเป็นเงินเพียงแค่ ๕๐ สตางค์ หรือ ๑ บาท ก็ทำได้และมีอานิสงค์ครบถ้วนทุกประการ)ค่ะ

3.2 ก่อนให้ทานให้ตั้งใจรักษาศีล หรือตั้งใจสมาทานศีล แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆแต่ก็มีอานิสงส์มหาศาล และทำให้ทานนั้นมีอานิสงส์สูงสุดค่ะ

3.3 ทำด้วยใจบริสุทธิ์และมีศรัทธาแท้ต่อพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ นับตั้งแต่เราเริ่มคิดจะให้ทาน ในระหว่างที่เรากำลังให้ทาน และหลังจากที่เราให้ทานเสร็จแล้ว

4. การอนุโมทนาบุญ และการช่วยเหลือในงานบุญหรืองานต่างๆในพระศาสนา ก็เป็นอันได้บุญในแบบที่ไม่ต้องใช้เงินแต่ได้อานิสงส์มาก ทั้งนี้เพราะ

- การอนุโมทนาบุญด้วยใจจริงจะทำให้เราได้บุญนั้นด้วยถึง ๙๐ เปอร์เซ็นต์ 

- นอกจากนี้ การอนุโมทนาบุญยังถือเป็นบุญใหญ่อีกอย่างหนึ่ง เพราะเป็นการปฏิบัติในพรหมวิหาร ๔ ที่ว่าด้วยมุทิตา อันหมายถึงการยินดีในความดีของบุคคลอื่นด้วยใจจริงนั่นเอง

-สำหรับการช่วยเหลือในงานบุญนั้นผลแห่งบุญจะเป็นรองก็แค่มีอานิสงส์ต่ำกว่าการบวชเณรเพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามหากเราทำด้วยใจจริงมีความบริสุทธิ์ใจตั้งใจแน่วแน่เพียงเท่าก็ถือว่าเป็นบุญอันบริสุทธิ์ ไร้การเจือปนใดๆค่ะ

5. การบูชาพระ(พุทธานุสติกรรมฐาน) และสวดมนต์/ฟังธรรม(ธัมมานุสสติกรรมฐาน) อันเป็นการทำความดีที่ให้อานิสงส์สูงสุด เหนือกว่าการให้ทานและการรักษาศีลหลายร้อยหลายพันเท่าโดยที่เราไม่ต้องใช้เงินเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียวค่ะ

ขอขอบคุณท่านผู้เป็นเจ้าของเครดิตภาพที่ผู้เขียนได้นำมาจาก (อินเตอร์เน็ต)เพื่อใช้ในการแสดงประกอบเนื้อหาสาระข้อมูลนี้ค่ะ..และขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข้อมูลจาก:วิกิพีเดีย, และข้อมูลเพิ่มเติม(บางส่วน)จาก :อินเตอร์เน็ตค่ะ
เรียบเรียงโดย: โชติกา พิรักษา และ ศศิภา ศรีจันทร์ ตันสิทธิ์