ตีแผ่เรื่องจริง!!สุดสะพรึงอ่านแล้วขนหัวลุก”แรงอาถรรพณ์ดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร”กว่า 200 ปี!!ปัจจุบันความอาถรรพณ์ยังปรากฏชัดเจน!!!

บทความนี้ผู้เขียนขอเสนอเรื่องราว”เกร็ดประวัติดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร “ ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าน่าจะยังมีประชาชนคนไทยเราอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่ยังไม่รู้เรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับ ประวัติดวงชะตาเมืองหลวง ของประเทศตัวเอง หรือ ที่เราเรียกกันว่า (กรุงเทพมหานคร) ว่ามีความเป็นมาอย่างไร วันนี้ผู้เขียนจึงถือโอกาสหยิบยกเรื่องราว”เกร็ดประวัติดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร “มาเขียนบรรยายเป็นวิทยาทานอันเป็นประโยชน์ให้แก่ท่านผู้ชมได้อ่านประดับความรู้โดยทั่วกันดังต่อไปนี้ค่ะ

ตีแผ่เรื่องจริง!!สุดสะพรึงอ่านแล้วขนหัวลุก”แรงอาถรรพณ์ดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร”กว่า 200 ปี!!ปัจจุบันความอาถรรพณ์ยังปรากฏชัดเจน!!!

อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติม..

รีบเซฟให้ไวเลย!! เลขเด็ด วังนาคินทร์ คำชะโนด บารมีปู่สุทโธ สรุปเลขเด็ดออกมาแล้ว งวด 17 ม.ค. 2561 นี้ คอหวยห้ามพลาด..รีบหาซื้อก่อนเกลี้ยงแผง!

เช็คด่วน!! "เปิดดวงชะตา 5 ราศี" ที่ "พญานาค" คุ้มครอง ดลบันดาลให้พบเจอแต่สิ่งดีๆทั้งเรื่องการเงิน การงาน และโชคลาภ!!

อยากปลดหนี้ลองวิธีนี้เลย!! สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เลื่องชื่อในเรื่องการบนบาน แก้เรื่องหนี้สินล้นพ้นตัว ขอโชคขอลาภ หรือแม้แต่ขอให้หายจากอาการป่วยได้!!

.......ดวงเมืองกรุงเทพมหานคร 
.....วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๓๒๕ เมื่อ ๒๓๓ ปีก่อน มีการทำพิธีวางฤกษ์อย่างใหญ่โต ตามพิธีสร้างเมือง สำหรับท้าวพระยามหากษัตริย์ 
.....วันนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยมหาสมณะชีพราหมณ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของชนชาติไทย ได้เข้ามาร่วมทำพิธีกันเป็นเวลา ๔ วัน ๔ คืน

ตีแผ่เรื่องจริง!!สุดสะพรึงอ่านแล้วขนหัวลุก”แรงอาถรรพณ์ดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร”กว่า 200 ปี!!ปัจจุบันความอาถรรพณ์ยังปรากฏชัดเจน!!!

.....ตามประเพณีไทยแต่โบราณมา เมื่อจะมีการสร้างเมืองใหม่ขึ้น ณ ที่ใดก็ตามสิ่งที่จะต้องทำเป็นประการแรกก็คือ หาฤกษ์ยามอันดี สำหรับฝังเสาหลักเมือง 
.....แล้วหลังจากนั้นจึงจะดำเนินการสร้างบ้านสร้างเมือง กันต่อไป เมื่อสร้างเมืองเสร็จแล้ว ก็มักจะเป็นที่เคารพบูชาของชาวเมืองนั้น ๆ ตลอดไป รวมทั้งชาวเมืองอื่น ที่พากันเดินทางมายังเมืองนั้น ก็มักจะต้องแวะไหว้เสาหลักเมือง หรือ เจ้าพ่อหลักเมืองกันจนถือเป็นประเพณี เจ้าพ่อหลักเมืองในหลาย ๆ จังหวัดของไทย ก็มีเรื่องราวเล่าลือ ถึงอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์กันมากมาย

......ในพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ฉบับหอสมุดแห่งชาติ เล่าเรื่องราวที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสถาปนากรุงเทพฯ ขึ้นเป็นนครหลวงแห่งใหม่ ได้กล่าวถึงการตั้งเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ไว้ตอนหนึ่งว่า

....“...จึงดำรัสสั่งให้พระยาธรรมาธิกรณ์ กับ พระยาวิจิตรนาวี เป็นแม่กองคุมช่างและบ่าวไพร่ ไปกะที่สร้างพระนครใหม่ข้างฝั่งตะวันออก ได้ตั้งพิธียกเสาหลักเมือง ณ วันอาทิตย์เดือนหกขึ้นสิบค่ำ ฤกษ์เพลาย่ำรุ่งแล้ว ๕๔ นาที่...”

......ในการตั้งเสาหลักเมืองของไทย ทุกเมืองนั้น มิใช่ว่าจะเป็นเพียงเสาหลักเมือง หรือเสาไม้ เสาหิน ธรรมดาต้นหนึ่งเท่านั้นก็หาไม่ แต่ความจริงนั้น ในปลายเสาหลักเมือง มักจะทำเป็นหัวเม็ดทรงมัณฑ์นั้น บรรจุดวงชะตาของเมือง ที่จะสร้างขึ้นใหม่ไว้ด้วย การวางชะตาเมืองนี้ เป็นเรื่องสำคัญทีเดียว ซึ่งโหรหลวงจะต้องผูกชะตาเมืองถวาย พร้อมกับทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองล่วงหน้าได้

ตีแผ่เรื่องจริง!!สุดสะพรึงอ่านแล้วขนหัวลุก”แรงอาถรรพณ์ดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร”กว่า 200 ปี!!ปัจจุบันความอาถรรพณ์ยังปรากฏชัดเจน!!!

......มีเรื่องเล่ากันมาว่า เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดฯ ให้โหรผูกชะตาเมืองกรุงเทพฯ ที่จะสร้างขึ้นใหม่นั้น 
......โหรหลวงได้ทูลเกล้าฯ ถวายดวงเมือง ๒ แบบคือ

......ดวงเมืองแบบหนึ่ง บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรือง ไม่มีเหตุวุ่นวาย แต่ทว่าจะต้องมีอยู่ระยะหนึ่ง ที่ประเทศไทย ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ 
......ส่วนอีกดวงเมืองหนึ่งนั้น #ประเทศไทยจะมีแต่เรื่องยุ่งวุ่นวาย ไม่มีที่สิ้นสุด #แต่ทว่าจะสามารถรักษาเอกราชได้ ตลอดไป 

......ปรากฏว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเลือกดวงเมืองตามแบบหลัง 
......เพราะพระองค์คงจะทรงเห็นว่า การที่จะต้องตกไปเป็นเมืองขึ้น ของชาติอื่นนั้น แม้บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองแค่ไหนก็ไม่ความหมายอันใด เมื่อสิ้นความเป็นไทย

......มีคำบอกกล่าวกันมาว่า ที่หลุมฝังเสาหลักเมืองนั้น จะต้องฆ่าคนที่มีชื่อตามโฉลก คือ อิน จัน มั่น คง เพื่อทำหน้าที่รักษาเมือง ให้มีความรุ่งเรืองมั่นคง 
......แต่ในหลุมฝังเสาหลักเมืองวันนั้น ไม่มีคนที่มีชีวิต ถูกนำไปสังเวยไว้ในหลุม ตามที่เล่าลือกัน เป็นแต่มี งูเล็ก ๔ ตัว ไปนอนฝังตัวอยู่ก้นหลุม โดยไม่มีใครเห็น 
......จนกระทั่งหย่อนเสาลงไปในหลุม และถึงเวลากลบเสาแล้ว จึงปรากฏว่างูเล็กทั้ง ๔ ตัวนั้นเลื้อยอยู่ที่ก้นหลุม และโดยไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ เพราะพิธีการต่างๆ ได้กระทำเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ก็จำเป็นต้องกลบดินลงไป จนไม่คำนึงถึงงูทั้ง ๔ ตัวนั้นอีกต่อไป

......พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ขุนโหรและผู้รู้ ทั้งสมณะชีพราหมณ์ทั้งหมด ก็ได้เห็นได้รู้กันว่า นั่นเป็นเรื่องอาถรรพณ์ ที่เกิดขึ้นเพื่อบอกกล่าวว่า 
......จะต้องมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับบ้านเมือง อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น ทั้งพระองค์และผู้รู้ในสมัยนั้น เกิดความเป็นห่วงกังวลว่า อะไรจะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองต่อไปอีก หลังจากที่สงครามเก้าทัพของพม่า ที่มาประชิดบ้านเมืองอยู่ ไม่ได้ถือว่า การลงไปนอนตายในหลุมหลักเมือง ของงูทั้ง ๔ ตัวนั้น เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถือว่า เป็นอาถรรพณ์ ที่บอกกล่าวว่าจะต้องมีเหตุการณ์ร้าย แก่บ้านเมืองแน่นอน !

ตีแผ่เรื่องจริง!!สุดสะพรึงอ่านแล้วขนหัวลุก”แรงอาถรรพณ์ดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร”กว่า 200 ปี!!ปัจจุบันความอาถรรพณ์ยังปรากฏชัดเจน!!!
 

โดยเรื่องราวในวันนั้นได้ถูกบันทึกไว้ในเอกสารที่มีชื่อว่า จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี มีข้อความว่า 

"ณ วันอาทิตย์ เดือนเจ็ด(๗) ขึ้น ๑ ค่ำ ปีระกาเอกศก เวลาบ่าย 3 โมง 6 บาท อสุนีบาติพาดสายตกติดหน้าบันมุขเด็จเบื้องทิศอุดร ไหม้ตลอดทรงบนปราสาท ปลายหักฟาดลงพระปรัสซ้ายเป็นสองซ้ำลงซุ้มพระทวารแต่เฉพาะไหม้ 

พระโองการตรัสว่า เราได้ยกพระไตรปิฎก เทวาให้โอกาสแก่เรา ต่อเสียเมืองจึงเสียปราสาท ด้วยชะตาเมืองคอดกิ่วใน 7 ปี 7 เดือน เสร็จสิ้นพระเคราะห์เมือง จะถาวรลำดับกษัตริย์ถึง 150 ปี" 
คนไทยทุกคนหรือส่วนมาก จะเคยได้ยินคำว่าดวงเมืองหรือดวงชะตาเมืองกันมาแต่อาจจะไม่เคยสนใจความสำคัญของดวงเมืองที่พูดกันต่อๆมานั้นว่ามันมีความสำคัญเพียงไร บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องความเพ้อฝันหรืองมงายไปก็ได้

ตีแผ่เรื่องจริง!!สุดสะพรึงอ่านแล้วขนหัวลุก”แรงอาถรรพณ์ดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร”กว่า 200 ปี!!ปัจจุบันความอาถรรพณ์ยังปรากฏชัดเจน!!!  

แต่สำหรับผู้ปกครองประเทศของไทย เฉพาะพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ตั้งแต่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เป็นต้นมา จนกระทั่งถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้ดวงชะตาเมื่อที่ว่านี้มาเป็นประโยชน์ในการบริหารและการปกครองประเทศไม่มากก็น้อย ทุกพระองค์ทรงใช้มาทั้งนั้น 

ดวงชะตาเมืองที่ผูกขึ้นตามวันเวลาในวันนั้น ได้เป็นเครื่องมือชี้ทางให้พระองค์ดำเนินการปกครองบ้านเมืองมาตลอด 

เฉพาะในรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกพร้อมด้วยสมณะชีพราหมณ์จำนวนมากร่วมชุมนุมวางฤกษ์ดวงเมืองและฝังเสาหลักเมืองนั้น พระองค์ได้ประสบการณ์สองประการก็คือในขณะที่พราหมณ์ปุโรหิต และสมณะชีพราหมณ์นั่งล้อมกันทั้งปะรำบริเวณที่จะฝังเสาหลักเมืองและขุดหลุมเอาผ้าปูก้นหลุมพร้อมด้วยสรรพเวทย์มหายันต์รองไว้อย่างเรียบร้อยเห็นกันอยู่ทุกตัวคน 

เมื่อเอาเสาหลักเมืองที่ทำด้วยไม้กัลปพฤกษ์ลงไปนั้น ก็ปรากฏว่างูเล็ก 4 ตัวลงไปนอนอยู่ และต้องฝังทั้งเป็นลงไป ทั้งพระองค์และผู้รู้ในสมัยนั้นเกิดความเป็นห่วงกังวลว่า อะไรจะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองต่อไปอีก หลังจากที่สงครามเก้าทัพของพม่าที่มาประชิดบ้านเมืองอยู่ ไม่ได้ถือว่าการลงไปนอนตายในหลุมหลักเมืองของงูทั้งสี่ตัวนั้น เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถือว่ามันเป็นอาถรรพณ์ที่บอกกล่าวว่าจะต้องมีเหตุการณ์ร้ายแก่บ้านเมืองแน่นอน! 

หลังจากเรียกประชุมชีบานาสงฆ์และผู้รู้ขบคิดกัน ก็ไม่มีใครสามารถจะบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่กี่วันก็เกิดฟ้าผ่าลงที่ยอดปราสาทพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัยขึ้นมา ทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงทำนายออกมาได้ว่าบ้านเมืองในระยะนั้นจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นร้ายแรง 

แต่อีก 150 ปีข้างหน้ากรุงเทพฯตามดวงชะตาเมืองมันก็จะเปลี่ยนจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นอย่างอื่น ซึ่งพระองค์ทรงรับสั่งว่า "จะถาวรลำดับกษัตริย์ไปอีก 150  ปี" ซึ่งต่อมาเมื่อถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ก็มีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย 

ซึ่งเป็นความแม่นยำและถูกต้องอย่างไม่น่าเชื่อของคนไทยโบราณ ซึ่งเมื่อเทียบกับคนทุกวันนี้ก็คือคนที่ไม่มีการศึกษา ไม่ได้เป็นประเทศหรือพูดภาษาต่างประเทศไม่ได้ อย่างที่เรายึดถือกันอยู่ในทุกวันนี้ว่าคนพวกนี้เท่านั้นที่จะเป็นคนมีความรู้และมีการศึกษาตามคติของคนไทยยุคปัจจุบัน 

......ดวงชะตาเมืองที่ได้มีการฝังหลักเมืองในวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๓๒๕ เต็มไปด้วย อิทธิและอาถรรพณ์หลายประการ เฉพาะอย่างยิ่ง ที่คนโบราณเชื่อกันก็คือ ทั้ง ๔ มุมเมืองนั้น ถูกฝังอาถรรพณ์สรรพเวทย์ มหายันต์ไว้ทั้งสี่ทิศ เพื่อป้องกันศัตรูและเสนียดจัญไร อันตราย และคนชั่วที่จะเข้ามาก่อกวน ให้เกิดเป็นภัยต่อบ้านเมือง ไม่ว่าจะมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ประการใด

ตีแผ่เรื่องจริง!!สุดสะพรึงอ่านแล้วขนหัวลุก”แรงอาถรรพณ์ดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร”กว่า 200 ปี!!ปัจจุบันความอาถรรพณ์ยังปรากฏชัดเจน!!!

......เมื่อสมัยรัชกาลที่ ๔ เสาหลักเมืองเดิมนั้นผุพังหมดสภาพ ทรงพระราชดำริว่า หลักเมืองชำรุดทรุดโทรมมาก ไม่ได้ซ่อมแซมมาหลายรัชกาล จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำขึ้นใหม่ อีกทั้งทรงตรวจดวงพระชะตา ของพระองค์ว่า เป็นอริแก่ลัคนาดวงเมืองกรุงเทพฯ 
......จึงทรงแก้เคล็ดโดยโปรดให้ช่าง แปลงรูปศาลหลักเมืองเสียใหม่ ให้เป็นรูปปรางค์ และโปรดให้ถอนเสาหลักเมืองเดิม และประดิษฐานเสาหลักเมืองใหม่ พร้อมบรรจุชะตา พระนครให้มีสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล มีอุดมมงคลฤกษ์ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๙๕ เวลา ๐๔๔๘ น. เสาหลักเมือง ที่เปลี่ยนใหม่ ทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ต้นใหญ่มาก คือมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง ๓๐ นิ้ว สูง ๑๐๘ นิ้ว ตรงปลายเสา ทำเป็นรูปหัวเม็ดทรงมัณฑ์ บรรจุดวงชะตาของกรุงเทพฯ ไว้ภายใน

.......สมัยรัชกาลที่ ๔-๕ ดวงเมืองได้มีโอกาสใช้ มากที่สุดเกือบทุกด้าน เฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับดินน้ำลมไฟ ที่จะมีผลดีและผลร้าย ที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชน และบ้านเมือง เฉพาะการโคจรของดวงดาวต่างๆ ตามฤดูกาลที่จะมีผล ต่อพืชพันธุ์ธัญญาหารในบ้านเมือง บ้านเมืองต่าง ๆ โดยรอบประเทศไทย ไม่ว่าลาว เขมร พม่า มลายู ต่างตกเป็นเมืองขึ้น ของฝรั่งเศสและอังกฤษ จนหมดสิ้น แม้แต่ประเทศใหญ่อย่างอินเดีย ก็ยังตกเป็นของอังกฤษ มีแต่ประเทศไทยเพียงประเทศเดียวเท่านั้น ที่รักษาเอกราช คงความเป็นไทมาได้

.......ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศไทยจะต้องตัดสินใจถือโอกาสนี้หาทางแก้ไขปัญหาเอกราช และอธิปไตยอันเนื่องมาจาก สัญญาถูกบังคับให้ต้องยอมรับตั้งแต่สมัย ร.ศ. ๑๑๒ โดยการสร้างอำนาจต่อรอง ขึ้นกับสัมพันธมิตร ไทยจะต้องส่งทหารเข้าไปร่วมรบ กับสัมพันธมิตร เพราะยังไงก็ทรงเชื่อว่า สัมพันธมิตรจะประสบชัยชนะไทย ต้องมีส่วนร่วมในชัยชนะนั้นด้วย

......เมื่อสงครามสงบ พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงรีบเสนอ แก้ไขกฎหมายทาสระหว่างไทย กับประเทศตะวันตก ที่ทำให้ประเทศไทยตกเป็นทาสทันที หลายต่อหลายวันที่ทรงตัดสินพระทัย และจะประกาศวันส่งทหารไทยไปฝรั่งเศส นักโหราศาสตร์ชั้นนำตั้งแต่พระยาโหราธิบดี ลงมาจนถึงคุณพระคุณหลวงหลายท่าน ถูกกับตัวไว้ในวังไม่ให้ ออกมาข้างนอก เพราะเกรงว่าข่าวที่ไทย จะส่งทหารไปช่วยสัมพันธมิตรจะทำให้เสียการได้ พระองค์ทรงให้กรมโหรสมัยนั้นหาฤกษ์ยาม และพิจารณาตัดสินใจ จากดวงชะตาเมือง ที่พระองค์ทรงให้กรมโหรสมัยนั้น หาฤกษ์ยามและพิจารณาตัดสินใจ

......การที่เสาหลักเมืองที่ประดิษฐาน ณ ศาลพระหลักเมือง จึงมีสองต้น เสาเดิมครั้งรัชกาลที่ ๑ คือต้นสูง ที่ได้ทำพิธีถอนเสาแล้ว แต่หาที่เก็บที่เหมาะสมไม่ได้ จึงคงไว้ แกนในเป็นเสาไม้ชัยพฤกษ์ มีไม้จันทน์ประดับนอก ลงรักปิดทอง หัวเสาเป็นทรงบัวตูม ภายในกลวงสำหรับบรรจุชะตาพระนคร ดวงนี้อยู่ใจกลางยันต์สุริยาทรงกลด จารึกในแผ่นทอง เงิน นาก

......ส่วนเสาพระหลักเมืองครั้งรัชกาลที่ ๔ คือต้นที่มีส่วนสูงทอนลงมา แกนในเป็นเสาไม้สัก มีไม้ชัยพฤกษ์ ประดับนอก หัวเสาเป็นรูปยอดเม็ดทรงมัณฑ์ เป็นต้นที่สถิตประทับของพระหลักเมือง

......ภายในศาลพระหลักเมืองกรุงเทพฯ นอกจากพระหลักเมืองแล้ว ยังเป็นที่ประดิษฐานพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าพ่อเจตคุปต์ และเจ้าพ่อหอกลอง เป็นเทพารักษ์สำคัญ ๕ องค์ที่ให้ความร่มเย็นแก่แผ่นดิน และประชาราษฏร์ทั้งปวง

.......พระเสื้อเมืองและพระทรงเมือง เป็นรูปเทวดาสวมมงกุฎ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ปิดทอง ขนาดความสูงใกล้เคียงกัน ลักษณะคล้ายกัน ต่างกันที่พระเสื้อเมือง พระหัตถ์ซ้ายถือคทา ส่วนพระทรงเมืองนั้น พระหัตถ์ซ้ายถือพระขรรค์

.......พระกาฬไชยศรี เป็นรูปพระกาฬประทับอยู่บนหลังนกแสก สันนิษฐานว่าจะมาแต่อุมาปางหนึ่งซึ่งพวกฮินดูนิยมทำรูปไว้บูชา เรียกว่า "กาลี"

.......เจ้าพ่อเจตคุปต์กับเจ้า พ่อหอกลองนั้น แต่เดิมคงมีชื่อเรียกเดียวกันว่า เจตคุปต์ อันเป็นชื่อเรียกของเสนาพระยมราช ทำหน้าที่จดบัญชีคนทำดี ทำชั่วในยมโลก เพราะ มีรูปร่างคล้ายกันทั้งสององค์ ต่อมามีชื่อเรียกต่างกันไปนั้น คงเป็นเพราะองค์ที่จำหลัก ด้วยไม้ มีศาลเล็ก ๆ อยู่ใกล้คุก จึงเรียกกันว่าเจตคุก หรือเจตคุปต์ ส่วนองค์ที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ อยู่ใกล้หอกลอง จึงเรียกกันว่าเจ้าพ่อหอกลอง

.......เจ้าพ่อหอกลองนี้ เดิมอยู่ที่ศาลใกล้หอกลอง ในสวนเจ้าเชต หอกลองนี้ถูกรื้อทิ้งไปในสมัยรัชกาลที่ ๕ แต่เดิมในหอกลองมีกลองอยู่ ๓ ใบ ใบแรกชื่อ ย่ำพระสุริย์ศรี ใช้ตีบอกเวลาย่ำรุ่ง ย่ำค่ำ และเที่ยงคืน ใบที่สองมีชื่อเรียกว่า อัคคีพินาศ ใช้ตีเวลาเกิดเพลิงไหม้ และใบที่สามมีชื่อว่า พิฆาตไพรี ใช้ตีเวลามีศึกสงคราม บอกเหตุเรียกระดมพล

......ดวงชะตาเมืองไทย ได้บอกให้คนที่สนใจเชื่อถือ ในความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพณ์ มาตลอดเวลา ๒๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา 
......ทั้งคำสาปแช่ง และอาถรรพณ์นานาประการ ยังคงมีความสำคัญอยู่ และยังน่าจะเชื่อกันได้ต่อไปว่า อาถรรพณ์และความศักดิ์สิทธิ์ ที่โบราณได้ปลุกเสกไว้ทั้งสี่มุมเมืองนั้น น่าจะยังมีความสำคัญอยู่แน่ 
......การที่เทวรูปต่าง ๆ มารวมกันอยู่ที่ศาลหลักเมือง ทำให้ศาลหลักเมือง กลายเป็นที่ชุมนุมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่พึ่งทางใจของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ เฉพาะอย่างยิ่ง คนชั่วที่มีชีวิต อยู่ด้วยความทุจริตคิดมิชอบต่อบ้านเมือง อย่างใดอย่างหนึ่ง แม้แต่การคอรัปชั่น กินบ้านกินเมืองกันก็มีให้เราเห็นกันอยู่มากมาย

ตีแผ่เรื่องจริง!!สุดสะพรึงอ่านแล้วขนหัวลุก”แรงอาถรรพณ์ดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร”กว่า 200 ปี!!ปัจจุบันความอาถรรพณ์ยังปรากฏชัดเจน!!!

ขอขอบคุณท่านผู้เป็นเจ้าของเครดิตภาพที่ผู้เขียนได้นำมาจาก (อินเตอร์เน็ต)เพื่อใช้ในการแสดงประกอบเนื้อหาสาระข้อมูลนี้ค่ะ..และขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข้อมูลจาก:วิกิพีเดีย,
โหราดอทคอม, และข้อมูลเพิ่มเติม(บางส่วน)จาก :อินเตอร์เน็ตค่ะ
เรียบเรียงโดย: โชติกา พิรักษา และ ศศิภา ศรีจันทร์ ตันสิทธิ์