เหยื่อลูกแชร์ทองคำโร่ร้องดีเอสไอตามเงินคืน หลังถูกหลอกลงทุนเสียหายกว่า 200 ล้านบาท

24 ม.ค.61 เวลา 09.30 น. กลุ่มผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนทองคำ มูลค่าความเสียหายกว่า200ล้านบาท รวมตัวกันมาประมาณ 30 คน มูค่าความเสียหายกว่า 200ล้านบาท เข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI โดยนำหลักฐานมาให้ โยมี ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ตัวแทนผู้เสียหายกล่าวว่า "จุดเริ่มต้นที่ทุกคนมาลงทุนในครั้งนี้นั้นมีจุดเริ่มต้นไม่เหมือนกันโดยผู้เสียหายบางคนก็ได้บอกว่า ส่วนตัวเขาเองก็มีการติดต่อซื้อขายทองคำ ทองรูปประพรรณ ทางออนไลน์  ซื้อผ่านทางร้านจนสมัครเป็นตัวแทนกับทางร้าน จนวันหนึ่งได้คุยกันเกี่ยวกับทองคำแท่ง โดยส่งผ่านเฟสบุ๊คมา การลงทุนทองคำแท่งรับกำไร 1,200-1,500บาท แรงจูงใจที่ทำให้มาลงทุนเพราะเชื่อใจ โดยก่อนหน้านี้ก็มีการซื้อขายกันมาตลอดก็ไม่มีปัญหาอะไร โดยที่เริ่ม หนึ่งบาท สองบาท พอเริ่มได้ก็ปล่อยเยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมทั้งหมดที่ลงทุนประมาณ 9 ล้านกว่าบาท โดยตอนที่ลงทุนและได้กลับคืนมานั้นก็เกือบครึ่งที่ลงทุนไปแต่อันใหม่ที่ลงทุนไปบังไม่ได้กลับคืนมาเลย โดยเริ่มได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม -28 ธันวาคม

โดยวันที่31 ธันวาคม เขาแจ้งว่าโดนโกงซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่มีสิ่งที่ทำให้สงสัยเลย ได้รับเงินทุกครั้งปกติทุกครั้ง แต่ทางผู้เสียหายเข้าใจว่าวันที่ 28-4ม.ค.61เขาแจ้งว่าร้านหยุด โดยผู้เสียหายเข้าใจเป็นวันหยุดเทศกาลก็ไม่ได้สงสัย แต่เมื่อเพื่อนๆโทรมาถามว่าเป็นความจริงหรือไม่ พอติดต่อไปที่ผู้ต้องหา ก็ได้รับคำยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งนี้ทางมุ้ยก็ได้บอกว่า เขาได้รับและส่งทองมาจากร้าน แถวจังหวัดมหาสารคาม โดยผู้เสียหายเคยซื้อขายมาด้วยกันจึงเชื่อใจกัน โดยบอกว่าการลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนเพื่อซื้อทองคำแท่ง รับเป็นทองหนึ่งหมื่นบาทมาขายเองก็ได้ หรือถ้าผู้เสียหายจะขายเองก็จะโดนหักเรื่องบล็อกต่างๆ จาก1200อาจจะเหลือสัก500หรือ700บาท แต่ถ้าฝากเขาขายจะได้ตามสมาคมทองหรือได้มากกว่าการขายเอง โดยตอนแรกจะได้เยอะมาก ตอนแรกที่บอกได้ 1,200นั้นเคยได้มากถึง1800ก็มีมาแล้วในช่วงแรกๆ"

ทั้งนี้ทางผู้ต้องหาก็ได้มีการแชร์ยอดการขายต่างๆเพื่อให้ผู้เสียหายลงทุนมากขึ้นให้มากขึ้น ทั้งนี้ก็มีการแชร์สลิปเงินของผู้อื่นในการทักแชตมาหาผู้เสียหายต่างๆ ราคาเริ่มต้นที่ลงทุนคือ 18,500บาท โดยกำไรจะลดหรือเพิ่มตามราคาทอง  ทั้งนี้ที่มาร้องที่DSI เพราะอยากตามเงินคืนเพราะว่าเขานั้นโฆษณาไว้ดีมาก โดยอ้างว่า ค้ากับร้านทอง ค้ากับสมาคมทองและล่าสุดคือเปิดร้านทองเอง เปิดได้ไม่ถึง20วันร้านทองก็ปิด สิ่งนี้เองเปรียบเหมือนแรงจูงใจให้ลูกค้ามาลงทุน

โดยทางผู้ต้องหาก็มีการให้เงินเยียวยามาเหมือนกัน แต่มันก็ไม่คุ้มค่าที่ลงไป ทั้งนี้ทางผู้ต้องหาก็มีการให้ทางกลุ่มผู้เสียหายนั้นลงชื่อเพื่อทำสัญญากันว่า ถ้าผู้เสียหายรับเงินไปก็ต้องไม่มีการฟ้องร้องหรือดำเยนินคดีทางกฎหมายใดๆทั้งสิ้นทั้งแพ่งและอาญา ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายที่มาในวันนั้ก็ไม่มีใครรับเงินตรงนั้นเพราะเงินที่ทางผู้ต้องหาจ่ายนั้นไม่คุ้มค่ากับเงินที่ผู้เสียหาย ลงทุนไป ทั้งนี้ก็ยังไม่ได้แจ้งความกับตำรวจในพื้นที่ ที่รับผิดชอบ โดยเดินทางจากต่างจังหวัดมาเพื่อยื่นหลักฐานให้DSIตรวจสอบก่อน
 

ทั้งนี้กลุ่มผู้เสียหายได้เดินทางมาจากหลายจังหวัด โดยเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มลูกค้าที่ลงทุนทองคำด้วยกัน โดยผู้คนที่ตั้งกลุ่มไลน์ดังกล่าวขึ้นมานั้นคาดว่าเป็น พยาบาลสาว ที่รับจ๊อบหารายได้เสริมด้วยการขายทองทางออนไลน์ ซึ่งทำธุรกิจลักษณะนี้มานานแล้ว และต่อมาได้ลาออกจากราชการและมาทำธุระกิจนี้โดยตรง และได้ชักชวนกลุ่มเพื่อนๆและคนรู้จักมาร่วมลงทุนในครั้งนี้ด้วย

โดยหนึ่งในผู้เสียหายได้กล่าวกับทางทีมข่าวว่า “ผู้ต้องหานั้นเป็นเพื่อนกับตนและทำอาชีพพยาบาลนั้นเดิมทีจะทำอาชีพเสริมคือการขายทองทางออนไลน์ โดยตนและผู้ต้องหานั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนซึ่งตนก็ประกอบอาชีพพ่อค้าออนไลน์เช่นกัน เมื่อเพื่อนชักชวนมาลงทุนก็มาลงทุนตาม ในส่วนค่าเสียหายที่ตนโดนเพื่อนคนนี้หลอกมันก็ไม่เยอะมากเท่าคนอื่น หลังจากเกิดเรื่อง ก็มีการพูดคุยกับเพื่อนคนนี้เช่นกัน โดนส่วนตัวตนนั้นคิดว่า เรื่องนี้เพื่อนของตนไม่ได้ทำเพียงคนเดียวแต่เป็นการทำเป็นกระบวนการ