- 13 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.deepsnews.com
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่อดีตเคยเป็นกูรูกฎหมายของผู้นำประเทศหลายคน และเป็นที่ปรึกษาหลายรัฐบาล ได้กล่าวระหว่างประชุมมอบนโยบายแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 2,800 คนประกอบด้วย คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ตัวแทนหน่วยงานราชการในส่วนภูมิภาค และบุคลากรที่เป็นวิทยากรระดับจังหวัด โดยได้หยิบยกพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ร.9 มาถ่ายทอดให้ข้าราชการไทยนำไปใส่เกล้าฯไว้เป็นตัวอย่างความว่า พระมหากรุณาธิคุณของ ร. 9 นั้นมีมากมายตลอดช่วงพระชนมายุที่ครองราชย์ 70 พรรษา อยู่ที่ว่าเราจะสกัดหรือเอาความรู้มาใช้ประโยชน์อย่างไร
นายวิษณุกล่าวต่อว่า หลายปีที่ผ่านมาพระองค์ได้ไปทรงงานในพื้นที่ภาคเหนือ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านราษฎรที่เรียกว่าเรือนโกโรโกโสของชาวบ้าน ลองคิดดูพระองค์เป็นถึงพระเจ้าแผ่นดินแต่ปีนบันไดไปนั่งบนไม้ขัดแตะบนเรือนชาวบ้าน ชาวบ้านก็เอาเก้าอี้โทรมๆมาวางให้พระองค์นั่ง บริวารทั้งหลายก็ลงมานั่งตรงไม้ขัดแตะ ความจริงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถ้านั่งบนเก้าอี้ก็ต้องเรียกเก้าอี้ตัวนั้นว่าพระเก้าอี้ก็คือเก้าอี้พระที่นั่ง แต่พระองค์ไม่ทรงนั่งบนเก้าอี้ที่ชาวบ้านเอามาวางให้ ทรงลุกมานั่งบนพื้นราบเพื่อคุยกับราษฎร เจ้าของบ้านก็ตกใจ พยายามคะนั้นคะยอให้พระองค์นั่งบนเก้าอี้ เพราะเกรงจะถูกต่อว่าๆไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงให้พระเจ้าแผ่นดินมานั่งบนพื้นขัดแตะ แต่พระองค์ท่านก็ไม่ยอม
“ เจ้าของบ้านพยายามพูดเท่าไหร่แต่พระองค์ก็ไม่ทรงนั่งประทับบนเก้าอี้ จากนั้นก็ตรัสถามเจ้าของบ้านว่ารู้ไหมทำไมพระเจ้าแผ่นดินถึงไม่นั่งบนเก้าอี้ เจ้าของบ้านก็บอกว่าไม่ทราบพะยะค่ะ ก็เพราะเหตุว่าประชาชนคนไทยยังยากจนอยู่แล้วเราจะนั่งบนเก้าอี้ได้อย่างไร ” รองนายกฯกล่าว
นายวิษณุกล่าวต่อว่า เห็นไหมว่าคำแรกที่พระองค์เอ่ยถึงคือความยากจน และเพราะความยากจนเลยทำให้คนไทยขาดความรู้ความเข้าใจ ความรู้คือคำที่ 2 การขาดความรู้เลยเป็นบ่อเกิดให้ถูกนายทุนรังแก ถูกคนเอารัดเอาเปรียบ ตรงนี้ก็เลยขาดสิทธิ คำที่ 3 เมื่อขาดสิทธิแล้วไซร้ก็ยังเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ พระองค์รับสั่งเสร็จก็หยุดอยู่แค่นั้น เห็นไหมว่าท่านพูดถึง 4 คำคือ ยากจน ความรู้ สิทธิ และ ประชาธิปไตย ที่ยกเรื่องนี้มาพูดก็เพราะว่าพระองค์ทรงแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าแม้กระทั่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินก็ไม่ควรอยู่แต่ในที่สูงอยู่ในพระราชวังที่ห่างไกลประชาชน หลักอย่างนี้คือสิ่งที่ข้าราชการทุกคนควรนำไปใส่เกล้าฯ อย่าอยู่แต่ในออฟฟิศอย่ามัวแต่สั่งงานอยู่บนหอคอยโดยไม่เคยลงไปดูทุกข์สุขของชาวบ้านเลย
“ปฐมข้าราชการของกระทรวงมหาดไทยอย่างกรมพระยาดำรงค์ราชานุภาพ เคยพูดสอนข้าราชการเอาไว้ว่า ท่านเจ้าคุณเป็นเจ้าเมืองกางเกงขาดมันไม่เท่ากับรองเท้าสึก ถ้ากางเกงขาดก็แสดงว่านั่งอยู่ในจวนสั่งงานอย่างเดียว แต่ถ้าเป็นเจ้าเมืองที่ดีต้องรองเท้าสึกเพราะแสดงว่าได้ออกเดินเท้าเยี่ยมเยียนราษฎร เรื่องที่เล่ามาแล้วก็เช่นกันเมื่อประชาชนยากจนก็ไม่มีความรู้ ไม่มีความรู้ก็ขาดสิทธิ ไม่มีสิทธิก็ไม่เข้าใจประชาธิปไตยถ่องแท้ ที่พระองค์ท่านพูดนี้คือศาสตร์พระราชาของแท้ หากคนไทยยังยากจนแล้วเรากระโดดจาก 1 ไป 4 เลย เว้น 2 กับ 3 การซื้อเสียงก็จะเจริญงอกงาม และเรื่องความกตัญญูเป็นเรื่องสำคัญของคนไทย ใครให้เงินเขาๆก็เลือก มันก็จะเกิดประชาธิปไตยแบบนี้ขึ้นมา หลัก 4 หลักนี้คือเรื่องที่รัฐบาลเห็นและสกัดมาเป็นไทยนิยม 10 ประการ หลายรัฐบาลก็นำไปทำ บางรัฐบาลอยู่สั้นแต่เอาไปทำแบบเข้าใจ บางรัฐบาลอยู่ยาวแต่ก็เอาไปทำแบบผิดๆ มาถึงรัฐบาลก็เอามาทำจะผิดหรือถูกก็ยังไม่รู้ แต่ก็ต้องทำ ” รองนายกฯฝ่ายกฎหมายระบุ
ได้ยินอย่างนี้แล้วข้าราชการไทยที่ยังทำตัวสูงศักดิ์ ไม่เห็นหัวชาวบ้านตาดำๆ ไม่สนใจความทุกข์ร้อนของประชาชน ให้รีบปรับปรุงตัวเสียใหม่ ขนาดพระเจ้าแผ่นดินยังวางพระองค์เป็นตัวอย่างที่งดงามให้เห็นแล้ว ข้าราชการไทยก็ควรนำเยี่ยงอย่างไปปฏิบัติด้วย