- 23 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
“ ปลูกทุเรียนมันไม่ยากแต่ปลูกแล้วจะให้ได้กำไรสม่ำเสมองดงามมันไม่ง่าย ขนาดผมทำสวนทุเรียนมา 30 -40 ปียังกลัวเลย เพราะต้นทุนมันสูง เฉลี่ยกการดูแลรักษาต่อต้นทั้งค่าน้ำ ค่าปุ๋ย ค่าแรงงานตกต้นละ 1200 บาท แถมแต่ละปีสภาพดินฟ้าอากาศก็ไม่เหมือนกัน บางปีลูกออกเยอะ บางปีลูกออกน้อยก็ต้องแบกรับความเสี่ยงกันไป สวนทุเรียนมีทุนอย่างเดียวไม่ใช่ว่าจะทำได้ เพราะคนมีเงินมีทุนหลายคนมาทำก็เจ๊งไปเยอะแล้ว” นายอุดม วรัญญูรัฐ วัย 58 ปี เจ้าของสวนทุเรียน “อุดมทรัพย์” เลขที่ 85 หมู่ 7 ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ในฐานะประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและกลุ่มชาวสวนทุเรียนจันท์ที่มีความชำนาญด้านการผลิตทุเรียนหมอนทองคุณภาพเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวระหว่างมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำรินำคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงานในพื้นที่
“ ผมเริ่มปลูกจริงๆจังๆในปี 38 ราวปี 43- 44 ก็เริ่มส่งออกไปจีนได้แต่ยังไม่มาก แรกๆที่ปลูกผลผลิตก็ไม่ค่อยดี มาปี 58 -60 ปริมาณก็ลดน้อยถอยลงเนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวนฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล หน้าหนาวไม่หนาว หน้าฝนไม่มีฝน มีนึงมี 3-4 ฤดูตรงนี้ก็ทำให้ผลผลิตออกมาไม่ดีเท่าทีควร จำนวนลูกหายไป จำนวนพูหดไป ทุเรียนให้ผลเล็ก ” นายอุดมอดีตเกษตรกรรางวัลพระราชทานเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพทำสวน ประจำปี 2559 ให้ข้อคิดชาวสวนมือใหม่ที่อยากมาทำสวนทุเรียน ถึงกระนั้นเขาก็ยังยืนยันว่าลู่ทางการทำสวนทุเรียนของคนไทยยังสดใสอยู่มากแม้จะมีปัญหา ข้อควรระวัง และขั้นตอนการปลูกทุเรียนให้ได้ผลผลิตดีค่อนข้างมากและจุกจิก แต่หากทำสำเร็จสวนทุเรียนให้ผลผลิตสม่ำเสมอดีโอกาสในการสร้างรายได้ทำกำไรระยะยาวก็มีมาก
“ สิ่งที่เกษตรกรหน้าใหม่ควรคำนึงถึงในการทำสวนทุเรียนคือเรื่องน้ำ ถ้าแหล่งน้ำไม่พอนี้เสร็จเลยเพราะฉะนั้นการทำสวนทุเรียนต้องมีแหล่งสต็อกน้ำให้เพียงพอ ต้องมีการศึกษาหาความรู้ไม่ใช่ปลูกตามธรรมชาติ แบบนั้นโอกาสขาดทุนจะมีสูงมาก...ถึงผมจะบอกว่ามันมีปัญหาเยอะแต่ทุเรียนก็มีอนาคตสดใส เพราะเป็นผลไม้ที่ขายได้หมดทุกช่วงเวลา ตั้งแต่แก่ยันสุก ผลสุกเราก็ขายกินสดได้ หรือถ้าปริมาณออกมากไปเราก็ฟรีซทำแช่แข็ง ถ้าเนื้อเละก็เอาไปกวน มันมีช่องทางขายได้สารพัด โดยเฉพาะถ้าเราสามารถทำให้มันออกนอกฤดูกาลได้ตรงนี้จะทำรายได้ๆดีมากๆ เพราะถ้าออกนอกฤดูราคาขายต่อกิโลกรัมจะพุ่งสูงกว่าฤดูกาลปกติ 3-4 เท่า และหากทุเรียนเรามีคุณภาพเรื่องการขายก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะจะมีคนมาจองซื้อข้ามปีกันเลยทีเดียว ” นายอุดมระบุ ก่อนเปิดเผยตัวเลขกำไรจากการปลูกผลไม้มีหนามทีแรกเริ่มการปลูกเป็นหนี้เป็นสินต้องไปกู้ยืมเงินเขามาลงทุนซื้อรถตักรถขุดดินเพื่อทำอ่างเก็บน้ำ แต่ปัจจุบันสวนทุเรียนจากน้ำพักน้ำแรงที่เขามีกว่า 200 ไร่ ในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ อ.แก่งหางแมว และ อ.ขลุง ทำรายได้ต่อปีงดงามถึง 15 ล้านบาท เรียกว่าปลดหนี้และมีเงินตั้งตัวได้กินอยู่สบาย
ส่วนประเด็นที่คนไทยหลายคนสนใจและมีความเป็นห่วงคือกรณีล้งจีนเข้ามาฮุบสวนผลไม้ไทยที่ตอนนี้เกิดขึ้นทุกพื้นที่ทุกสวนผลไม้ นายอุดมกล่าวยอมรับว่า สวนทุเรียนใน จ.จันทบุรีและละแวกแถบนี้ก็ประสบปัญหาเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราถึงต้องมีการรวมกลุ่มการเกษตรเพื่อให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งมีอำนาจในการต่อรองไม่งั้นก็จะเสร็จล้งจีนเสร็จนายทุนที่มีเงินหนาหมด “ ทุเรียนของไทยมีความต้องการจากต่างชาติสูงมาก อย่างจีน ญี่ปุ่น ฯลฯ คนจีนเขาชอบทุเรียนของเรามาก เขาเลยกล้าทุ่มทุนสู้ เราจะเข้าไปค้าขายแข่งก็สู้เงินเขาไม่ได้ เพราะเขากล้าซื้อกล้าทุ่มแพงมาก นอกฤดูราคาก.ก.ละ 150 บาท เขาก็กล้าซื้อ 4-5 ปีที่ผ่านมาจีนมีความต้องการทุเรียนสูงมาก แถวระยอง จันทบุรี ตราด เขามากว้านซื้อไปหมด มีทั้งซื้อไปขายเองและซื้อไปขายต่อด้วย เพราะเราไม่มีความสามารถในการส่งออกไปยังต่างประเทศ ไม่มีช่องทางในการทำการตลาดแต่จีนเขามี ” นายอุดมระบุปัญหาล้งจีนเข้ามาเทกโอเวอร์ฮุบสวนผลไม้ไทย
เขากล่าวต่อว่า ล้งจีนมีพลังในการกว้านซื้อทุเรียนมากและพวกนี้เอาหมดทุกพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นหมอนทอง ชะนี หรือพันธุ์พื้นบ้าน เพราะคนจีนนิยมกินทุเรียนไทยมาก เนื่องจากรสชาดดี หวานอร่อย คุณภาพสูงถ้าเทียบกับทุเรียนมาเลเซียที่เป็นคู่แข่ง นอกจากจะกินผลสดแล้วเขายังเอาเนื้อทุเรียนไปเป็นส่วนผสมอาหารและสินค้าอีกหลายชนิด อาทิ ชาทุเรียน ไอติมทุเรียน คุกกี้ทุเรียน ทุเรียนผง ฯลฯ เพราะฉะนั้นเวลาส่งออกไปจีนก็จะมีทั้งแบบผลสดและแบบเนื้อทุเรียนแช่แข็ง เรื่องล้งจีนเป็นปัญหาที่มีมาช้านานและอนาคตหากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปคนไทยมีโอกาสจะได้กินทุเรียนน้อยกว่าในอดีต หรือหากได้กินทุเรียนก็จะมีราคาสูง “ถึงบอกว่าเรื่องนี้บรรดาพ่อค้าเกษตรกรต้องรวมตัวกันให้เข้มแข็ง อย่าเอานายทุนมานั่งข้างๆ อย่าเอาตัวเองไปผูกมัดกับเขาจนเกินไป เพราะเราทุนน้อยจะไปเทียบนายทุนหลักร้อยล้านได้ไง อย่างของกลุ่มผมเราจะมีวิธีแก้ปัญหานี้เลยคือเราจะแบ่งผลผลิตออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1 ส่งออก 50 % 2 ขายในประเทศ 20 % และ 3 แปรรูป 30% และเราคุยกันเลยว่าเราต้องรักษาตลาดดั้งเดิมของคนไทยไว้ ปีไหนราคาขายในประเทศสูงใกล้เคียงกับส่งออกเราก็ขายในประเทศหมด เพราะได้เงินทันทีไม่เสี่ยงและมีทุเรียนให้คนไทยกิน ปัญหาเรื่องล้งจีน ภาคราชการต้องเข้ามาช่วยส่งเสริมความรู้สร้างความเข้าใจกับเขา ขณะที่เกษตรกรเองก็ต้องกระจายความเสี่ยงเพื่อให้สามารถเลือกช่องทางการตลาดของตัวเองได้ แต่ถ้าทำแบบตัวใครตัวมันไม่รวมกลุ่มกันโอกาสขาดทุนก็มีสูง การรวมกลุ่มกันก็จะมีข้อดีที่ความเสี่ยงน้อย มีกำลังต่อรอง ราคาไม่ถูกครอบงำ และมีผลผลิตกระจายออกสู่ตลาดอย่างทั่วถึง ” นายอุดมกล่าว
นายอุดมระบุถึงการทำสวนทุเรียนในยุคทองที่ราคาทุเรียนแพงลิบว่า เฉลี่ยหมอทองกิโลกัมละ 100 บาทขึ้นไป ชะนีกิโลกรัมละ60-80 บาท แม้จะเป็นอาชีพที่สร้างรายได้งดงามเป็นกอบเป็นกำให้กับเกษตรกรแต่การปลูกทุเรียนให้ได้ผลผลิตสม่ำเสมอก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรือเรื่องหมูๆ ที่ใครจะทำได้ หากไม่มีประสบการณ์และองค์ความรู้ เพราะการปลูกทุเรียนให้ประสบผลสำเร็จทำรายได้ดี มันมีองค์ประกอบและสิ่งแวดล้อมต่างๆที่เกี่ยวข้องตามมาอีกมาก และจากประสบการณ์ทำสวนทุเรียนมาหลายสิบปี เขาก็ยังยืนยันว่าเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงและควรศึกษาการเพาะปลูกและช่องทางการตลาดให้ถ่องแท้ก่อนการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงเรื่อง “เจ๊ง” ก่อนลงทุนทำ