สะเทือนวงการยุติธรรม!?! อดีตอสส.ตกใจ เมื่อรู้ความจริงกรมอุทยานฯแฉศรีวราห์?!?ถึงกับหลุดคำนี้ออกมา พร้อมแนะทำอย่างไรก่อนจะสาย(รายละเอียด)

จากกรณี พล.ต.อ.ศรีวราห์  รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ซึ่งกำหนดเป้าหมายในการสรุปสำนวนสั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต  และพวกต่อพนักงานอัยการ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 มี.ค.นี้ แต่ก็มีกรณีหนึ่งที่เป็นประเด็นร้อนตลอดต่อเนื่อง นั่นก็คือการที่ ดร. กณิตา อุ่ยถาวร ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า  กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช 

       ทั้งนี้ ดร.กณิตา ได้ออกมาชี้แจงในลักษณะตั้งเป็นคำถามย้อนกลับไปถึง พล.ต.อ.ศรีวราห์  “ สืบเนื่องจากข่าวในวันนี้ที่กล่าวถึงการติดตามการตรวจพิสูจน์หลักฐานวัตถุพยานในคดีฯดังกล่าว ที่กล่าวว่าพบดีเอ็นเอของเสือดำบนมีดและเขียง แต่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอคนใช้ได้ชัดเจน เหตุเพราะกรมอุทยานฯ นำไปตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อนนั้น อาจทำให้ประชาชนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้....

       ดิฉัน ดร. กณิตา อุ่ยถาวร ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ของกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมดูแลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอสัตว์ป่าในคดีนี้ ขอชี้แจงให้ทุกท่านเข้าใจ...ดังนี้  (คลิกอ่านข่าวก่อนหน้า  : แล้วจะให้ปชช.เชื่อใจได้งัย?!? หน.นิติวิทยาศาสตร์กรมอุทยานฯงง ศรีวราห์ไล่นิติกร!?! งัดหลักฐานตอกหน้าDNAเสือดำ!?! ใครบิดเบือนความจริง???)

       ต่อมา ดร. กณิตา  ได้โพสต์อีกหนึ่งประเด็นสำคัญเกี่ยวเนื่องกับข้อสงสัยที่เริ่มต้นมาจากมุมมองของพล.ต.อ.ศรีวราห์  ว่า  “มีอีกประเด็นหนึ่งในเนื้อข่าว...ที่ท่านกล่าวว่ามีดพก 2 เล่ม (คงหมายถึงมีดเหน็บหรือมีดเดินป่า) ที่ทางแล็บนิติวิทยาศาสตร์ของกรมอุทยานฯ ตรวจพบดีเอ็นเอของเสือดำซึ่งเป็นเสือดำตัวเดียวกันแล้ว แต่ท่านคิดว่าไม่น่าจะใช่อาวุธที่ใช้ชำแหละเสือดำได้....

 ตรงนี้อ่านแล้วไม่ทราบและไม่เข้าใจจริงๆค่ะว่าท่านใช้หลักการใดในการสรุปเช่นนั้น? แล้วอะไรถึงจะใช้ชำแหละเสือดำได้คะ? อย่างไรก็ตามก็ขอเป็นคนหนึ่งที่อยากรอฟังผลการตรวจพิสูจน์และคำชี้แจงจากตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเช่นเดียวกับประชาชนท่านอื่นเหมือนกันค่ะ”

       ล่าสุดวันนี้(11มี.ค.) นายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตระกูล วินิจนัยภาค ถึงกรณีการออกมาตอบโต้ของกรมอุทยานแห่งชาติ ต่อพลตำรวจเอกศรีวราห์ ซึ่งถึงกับใช้คำว่า ตกใจ พร้อมทั้งขั้นตอนการดำเนินการต่อไปนับจากนี้หากตนเองยังเป็นอัยการสูงสุดว่าจะต้องทำอย่างไร ที่สำคัญกับการตั้งข้อสังเกตุให้สังคมชวนคิดติดตามต่อนั่นก็คือ ความไม่ชอบมาพากลในขณะนี้

เห็นข่าวนี้...แล้วตกใจ!!!

เอาล่ะซี...ถ้าผมเป็นอัยการเจ้าของสำนวนคดีนี้...คงเตรียมตัวปวดหัวแน่ๆ

ถ้าผมเป็นอัยการเจ้าของสำนวน ผมจะตรวจดู...ตั้งแต่บันทึกการจับกุม บันทึกคำให้การของ ผู้กล่าวหาและพยานทุกปาก บันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ หลักฐานต่างๆ บัญชีของกลาง บันทึกคำให้การของผู้ต้องหาและพยานฝ่ายผู้ต้องหา (ถ้ามี)...ให้ละเอียดรอบคอบ ถ้าสงสัยก็เรียกพยานมาซักถามเพิ่มเติมให้สิ้นกระแสความ ถ้าให้ดี ผมไปดูสถานที่เกิดเหตุด้วยเพื่อให้เห็นสภาพจริง เพราะคดีนี้ผู้ต้องหาต้องต่อสู้ในชั้นที่เป็นตกเป็นจำเลยในศาลแน่ๆ

ปล. (๑) ถ้าผมเป็น อสส. ผมจะสั่งมอบหมายให้รองอัยการสูงสุด หรืออย่างน้อยอธิบดีอัยการภาค...ไปช่วยดูแลสำนวนการสอบสวนคดีนี้แน่ๆ ครับ (เพราะชักจะไม่ชอบมาพากล)!!!

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : ตระกูล วินิจนัยภาค