พาราพาภัย งานนี้ใครที่ชอบใช้ยาพารา ยาครอบจักรวาลต้องอ่าน!!!

กินน้อยแต่กินนานเสี่ยงตายกว่ากรอกยาฆ่าตัวตาย!!! หากถามว่ายาอะไรมีฤทธิ์ครอบจักรวาลที่คนไทยใช้กันมากที่สุดคงหนีไม่พ้นยาพาราเซตามอลเป็นแน่ แน่นอนว่ายาพาราเซตามอลเป็นยาแก้ปวดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ต่อเมื่อทานอย่างถูกต้องเนื่องจากการทานยาพาราเซตามอลในระยะยาวกลับสร้างผลเสียให้แก่ร่างกายมากกว่าที่หลายคนจะคาดคิด

 

 

 

คนส่วนมากมักเข้าใจว่าการทานยาพารานั้นผู้ใหญ่ควรทาน 2 เม็ด เด็กควรทาน 1 เม็ด ทั้งที่ในความเป็นจริงการทานยาพารานั้นจะต้องทานตามปริมาณ เทียบกับน้ำหนักของแต่ละบุคคลไป แม้จะทานยาได้ครั้งละ 500-1000 มิลลิกรัม ต่อ4-6 ชั่วโมง แต่ในหนึ่งวันก็ไม่ควรทานเกิน 4,000 มิลลิกรัม และไม่ควรทานติดต่อกันนานเกิด 5 วัน เพราะการทานยาที่เกิดขนาดจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรค ตับแข็ง ตับอักเสบ หรือทำให้ไตพังได้ และเรื่องที่หลาย ๆ คนไม่เคยทราบนั้นก็คือ คนที่เคยมีประวัติการเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังนั้น ห้าม!!! ทานยาพาราโดยเด็ดขาด และไม่ควรที่จะใช้ยาพาราร่วมกับยาชนิดอื่นอย่างยาแก้ไอ แก้หวัด แก้ภูมิแพ้ หรือยาแก้ปวดชนิดอื่น เนื่องจากมีสว่นผสมของยาพาราอยู่เช่นกัน ซึ่งจะทำให้ปริมาณยาที่ได้รับเกิดขนาดไปโดยไม่รู้ตัว

 

 

 

อาการที่แสดงออกเมื่อได้รับยาพาราเกิดขนาดนั้นมักออกมาในรูปแบบการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องเสีย เหงื่อออกผิดปกติ ปวดท้องอย่างรุนแรง มีอาการบวมบริเวณหน้าท้องหรือช่วงท้อง หรืออาจทำให้ผลตรวจระดับน้ำตาลในเลือดคลาดเคลือน นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการ อุจจาระเป็นเลือดหรือมีสีดำ ปัสสาวะเป็นเลือดหรือปัสสาวะน้อยลงโดยไม่มีสาเหตุ มีอาการเป็นไข้ หนาวสั่น ปวดที่หลังส่วนล่างอย่างรุนแรง มีจุดแดง ๆ ขึ้นตามผิวหนัง มีผื่นคัน มีแผลร้อนในหรือจุดขาว ๆ บริเวณริมฝีปากหรือภายในช่องปาก เลือดออกผิดปกติ เหนื่อยง่าย และมีอาการตาเหลือง

 

การทานยาทุกชนิดส่งผลต่อการทำงานของตับ ดังนั้นหากจะทานยาชนิดใดควรตรวจสอบวิธีการทานที่ถูกต้องให้ละเอียดก่อน ไม่เช่นนั้นนอกจากจะไม่สามารถบรรเทาอาการได้แล้วยังอาจทำให้อาการแย่ขึ้น มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่มักทานยาพาราเพื่อป้องกันอาการที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้น ซึ่งนั้นไม่ส่งผลดีต่อร่างกายและอาจนำไปสู่การบาดเจ็บของตับ ทางที่ดีควรทานยาต่อเมื่อมีอาการและหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วันก็ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการเจ็บป่วยดีกว่า...