เชือดเจ้าพ่อค้ายานรก!!ไซซะนะ โดนหนัก ศาลพิพากษา ประหารชีวิต หลังพบหลักฐานชัดขนยาเสพติดเข้าไทย เชื่อมโยงขบวนการค้ายาหลายกลุ่ม

ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อย.1642/2560 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายไซซะนะ แก้วพิมพา (Mr.Xaysana Keopimpha) อายุ 42 ปี นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาว สปป.ลาว เป็นจำเลย ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันนำเข้ายาบ้าซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66 และ 100/1 และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 4 – 5, 8, 14

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยกับพวกซึ่งอยู่ที่ สปป.ลาว รวมกันทำหน้าที่จัดหายาเสพติด รวมทั้งรถยนต์สำหรับซุกซ่อน และรถยนต์นำทางในการขนลำเลียงยาเสพติด โดยมีพวกของจำเลยที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาไว้แล้วรวม 6 คนร่วมกระทำผิดในการทำหน้าที่ขับรถรับยาเสพติดจาก สปป.ลาว เข้ามาในประเทศไทยเพื่อส่งต่อ พวกจำเลยได้มีการขับรถนำทางและสำรวจเส้นทางเพื่อตรวจสอบว่ามีด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ก่อนที่จะประสานติดต่อกันเพื่อส่งมอบยาให้กับเครือข่ายยาเสพติดทางภาคใต้ของไทยและประเทศมาเลเซียต่อไป

โดยเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2559 จำเลยกับพวกที่ถูกยื่นฟ้องแล้ว และอีกหลายคนที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันนำยาบ้าจำนวน 1.2 ล้านเม็ดจาก สปป.ลาว ซุกซ่อนในช่องลับใต้หลังคารถยนต์ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย เข้ามาในไทย โดยตำรวจสามารถจับกุมเครือข่ายจำเลย พร้อมยึดยาของกลางได้ กระทั่งขยายผลการจับกุมพวกจำเลยอีกส่วนที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีไว้แล้ว ก่อนจะจับกุมจำเลยได้เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2560 เหตุเกิดที่ สปป.ลาว, ด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย, ด่านตรวจยาเสพติดสีคิ้ว จ.นครราชสีมา, ด่านตรวจยาเสพติดบ้านพละ จ.ชุมพร และลานจอดรถโรงแรมคริสตัน จ.สงขลา ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ

เมื่อวานนี้ศาลเบิกตัวนายไซซะนะจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางมาฟังคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลย ซึ่งให้การปฏิเสธในชั้นศาลแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความตามลำดับจากการปฏิบัติหน้าที่ ไม่รู้จักและไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน เชื่อได้ว่าพยานโจทก์เบิกความตามจริง แต่คดีต้องพิสูจน์จนปราศจากข้อสงสัย โดยนายทรรศพล พลธี, นายไพฑูรย์ ทองเสม, น.ส.เกศญาณัฐฐ์ ธงวาด และนายนิอุสมัน ปะจู จำเลยที่ 1-4 ในคดีหมายเลขดำ อย.5837/2559 ของศาลนี้ ได้เบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน ในการขนยาเสพติดโดยใช้รถตู้ที่นายทรรศพลเป็นผู้ขับ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สะกดรอยตามและตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ จากการสอบสวนนายทรรศพลให้การว่าจำเลยเป็นพี่ใหญ่ในการสั่งการขนยาเสพติด พร้อมชี้ภาพยืนยัน มีนายไพฑูรย์ ขับรถตรวจเส้นทาง การให้การของนายทรรศพลไม่ใช่เป็นการซัดทอดให้พ้นผิด และให้การโดยละเอียดยากแก่การปั้นแต่ง

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยกับพวกซึ่งอยู่ที่ สปป.ลาว รวมกันทำหน้าที่จัดหายาเสพติด รวมทั้งรถยนต์สำหรับซุกซ่อน และรถยนต์นำทางในการขนลำเลียงยาเสพติด โดยมีพวกของจำเลยที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาไว้แล้วรวม 6 คนร่วมกระทำผิดในการทำหน้าที่ขับรถรับยาเสพติดจาก สปป.ลาว เข้ามาในประเทศไทยเพื่อส่งต่อ พวกจำเลยได้มีการขับรถนำทางและสำรวจเส้นทางเพื่อตรวจสอบว่ามีด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ก่อนที่จะประสานติดต่อกันเพื่อส่งมอบยาให้กับเครือข่ายยาเสพติดทางภาคใต้ของไทยและประเทศมาเลเซียต่อไป

โดยเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2559 จำเลยกับพวกที่ถูกยื่นฟ้องแล้ว และอีกหลายคนที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันนำยาบ้าจำนวน 1.2 ล้านเม็ดจาก สปป.ลาว ซุกซ่อนในช่องลับใต้หลังคารถยนต์ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย เข้ามาในไทย โดยตำรวจสามารถจับกุมเครือข่ายจำเลย พร้อมยึดยาของกลางได้ กระทั่งขยายผลการจับกุมพวกจำเลยอีกส่วนที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีไว้แล้ว ก่อนจะจับกุมจำเลยได้เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2560 เหตุเกิดที่ สปป.ลาว, ด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย, ด่านตรวจยาเสพติดสีคิ้ว จ.นครราชสีมา, ด่านตรวจยาเสพติดบ้านพละ จ.ชุมพร และลานจอดรถโรงแรมคริสตัน จ.สงขลา ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ

เมื่อวานนี้ศาลเบิกตัวนายไซซะนะจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางมาฟังคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลย ซึ่งให้การปฏิเสธในชั้นศาลแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความตามลำดับจากการปฏิบัติหน้าที่ ไม่รู้จักและไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน เชื่อได้ว่าพยานโจทก์เบิกความตามจริง แต่คดีต้องพิสูจน์จนปราศจากข้อสงสัย โดยนายทรรศพล พลธี, นายไพฑูรย์ ทองเสม, น.ส.เกศญาณัฐฐ์ ธงวาด และนายนิอุสมัน ปะจู จำเลยที่ 1-4 ในคดีหมายเลขดำ อย.5837/2559 ของศาลนี้ ได้เบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน ในการขนยาเสพติดโดยใช้รถตู้ที่นายทรรศพลเป็นผู้ขับ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สะกดรอยตามและตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ จากการสอบสวนนายทรรศพลให้การว่าจำเลยเป็นพี่ใหญ่ในการสั่งการขนยาเสพติด พร้อมชี้ภาพยืนยัน มีนายไพฑูรย์ ขับรถตรวจเส้นทาง การให้การของนายทรรศพลไม่ใช่เป็นการซัดทอดให้พ้นผิด และให้การโดยละเอียดยากแก่การปั้นแต่ง