โดนเท!!! ฟังจากปาก "จ่าเลอศักดิ์" หลังถูกเพื่อน 10 คนลอยแพให้สู้คนเดียว หลังสู้ปมหักเบี้ยเลี้ยงซื้อแอร์ ไม่เคยมีประวัติเสียแต่โดนย้าย??

กรณีนายตำรวจชั้นประทวน สน.พหลโยธิน ร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท. เพื่อให้ตรวจสอบผู้บังคับบัญชา เนื่องจากเจ้าตัวรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังถูกหักเงินเบี้ยเลี้ยงนำไปซื้อเครื่องปรับอากาศติดตั้งภายในห้องสอบสวนของสน.พหลโยธิน โดยเมื่อวันที่ (28 มี.ค.) ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธินได้เรียก จ.ส.ต.เลอศักดิ์ เข้ามาชี้แจง ซึ่งเมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนี้ในลักษณะเชิงตำหนิ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ว่าเรื่องภายในต้องทำตามลำดับขั้นสายบังคับบัญชา

ความคืบหน้าล่าสุด จ.ส.ต.เลอศักดิ์  นนท์ขุนทด ผู้บังคับหมู่สืบสวน สน.พหลโยธิน ให้สัมภาษณ์ในรายการต่างคนต่างคิด โดยยืนยันว่าจะเดินหน้าฟ้องร้องต่อไป ซึ่งจ.ส.ต.เลอศักดิ์ เปิดเผยภายหลังจบรายการด้วยว่า ตอนนี้ตนได้รับกำลังใจมาจากทั่วประเทศ ทำให้ตนพร้อมที่จะสู้อยากเต็มที่ ตนอยากจะเป็นตัวแทนทำเพื่อตำรวจชั้นประทวนทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก โดยหลังจากมีกระแสข่าวว่านายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จะยื่นมือเข้ามาช่วยนั้น จ.ส.ต.เลอศักดิ์ บอกว่า ตนพร้อมรับความช่วยเหลือ เพราะส่วนตัวต้องการพลังที่จะเข้ามาสนับสนุนอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องการตัดสินใจลาออกหรือไม่นั้น จ.ส.ต.เลอศักดิ์ เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการตัดสินใจ ซึ่งหลังจากลาพักร้อนเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะมีคำตอบในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งหากตัดสินใจรับราชการต่อ แล้วผู้บังคับบัญชาให้โยกย้ายฝ่าย ตนมองว่าตนไม่ได้ทำผิดไม่ต้องย้ายหนีไปไหน แต่หากมีคำสั่งเช่นนั้นตนก็น้อมปฏิบัติ แต่หากตัดสินใจลาออกจากราชการ ก็มีวางแผนไว้แล้วว่าจะประกอบอาชีพอะไรต่อ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในตอนนี้

ขณะที่ ผศ.ร.ต.อ.ดร.วิเชียร ตันศิริคงคล ประธานหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต ม.บูรพา เปิดเผยด้วยว่า จ.ส.ต.เลอศักดิ์คงจะถูกกดดันมาก่อนหน้านี้เยอะ จึงได้ออกมาร้องเรียนหน่วยงานภายนอกองค์กร ซึ่งตนไม่อยากให้ จ.ส.ต.เลอศักดิ์  ตัดสินใจลาออก แต่อยากให้เขาพิสูจน์สิ่งที่ทำ ว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรหรือไม่ เพราะเขาออกมาเพื่อจะเป็นปากเสียง สิ่งที่เขาทำจะเป็นประโยชน์ให้กับตำรวจชั้นผู้น้อยอีกหลายคนในประเทศนี้

“ขอเอาใจช่วย อย่าเพิ่งลาออก สู้ให้ถึงที่สุดก่อน แต่ทั้งนี้สังคมก็ต้องให้กำลังใจ ถ้าเขาไม่มีเรื่องส่วนตัวอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำด้วยหลักการจริง ๆ ก็ต้องชื่นชม และเห็นใจ และต้องสนับสนุนเขา”

ความคืบหน้าที่ สน.พหลโยธิน พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวล ผู้กำกับการ สน.พหลโยธิน นำผู้สื่อข่าวสำรวจภายในห้องสืบสวน พบว่าห้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ห้องโถงส่วนกลาง ติดแอร์ 3 เครื่อง และห้องของผู้บังคับบัญชาส่วนงาน 4 ห้อง ติดตั้งแอร์ห้องละ 1 ตัว ซึ่งแอร์ตัวที่เป็นปัญหาติดอยู่ด้านในสุดของพื้นที่ห้องโถง คล้ายห้องประชุม ที่ตัวเครื่องแอร์ ติดสติกเกอร์ “สนับสนุนโดย ฝ่ายสืบสวน” คล้ายกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีการสนับสนุนจากหน่วยงานเอกชน

โดย พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยยืนยันว่า ตำรวจชั้นประทวนทั้ง 10 คน เต็มใจมอบเงินช่วยเหลือในการซื้อเครื่องปรับอากาศ ไม่ได้เป็นการบังคับ มีเพียงแต่ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ ที่ไม่เห็นด้วยกับการเก็บเงินครั้งนี้ ยืนยันว่าหากมีการเรียกเก็บเงินสนับสนุนซื้ออุปกรณ์ลักษณะนี้ ตำรวจชั้นผู้น้อยก็สามารถโต้แย้งได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้ใต้บังคับบัญชาและไม่มีความผิด

ส่วนเรื่องการทำงานกับ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ ไม่มีปัญหา จะลาออกหรือมาปฏิบัติงานต่อก็สามารถทำได้ แต่ตอนนี้ตนยังไม่ทราบว่าจะตัดสินใจอย่างไร เนื่องจากขณะนี้ จ.ส.ต.เลอศักดิ์อยู่ระหว่างการลาพักร้อน อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายใน ที่ตนไม่อยากให้เกิดผลกระทบต่อองค์กร มั่นใจว่าตนสามารถบริหารจัดการได้ และหากมีเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก สามารถเข้ามาคุยกับตนได้

ขณะนี้ตนได้โอนเงินจำนวน 3,220 บาท คืนให้กับ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ แล้ว โดยเป็นเงินส่วนตัวที่ตนคืนให้ เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้น ตนขอเป็นผู้รับผิดชอบ นอกจากนี้ตนยังกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาไปว่า หากจะมีการเรียกสนับสนุนลักษณะนี้ ต้องมีการแจ้งให้ตนทราบก่อน

ส่วนกรณีข้อความในแชทไลน์ มีประโยคหนึ่ง ระบุว่า “…เนื่องจากผู้ประกอบการช่วงนี้ฝืดเคือง”  ผู้กำกับระบุว่า คือรูปแบบการเขียนของเจ้าหน้าที่ เพื่อใช้ประกอบเหตุผลเท่านั้น สื่อให้ถึงว่า โดยไม่ต้องไปขอสนับสนุนจากหน่วยงานอื่น อีกทั้ง ยังเป็นการวัดใจคนที่ทำงานร่วมกัน ยังดีเสียอีกที่ลูกน้องตนไม่ได้เรียกเก็บสิ่งของจากประชาชน ส่วนตัวมองว่า ถ้ามาเจรจากันก่อน ก็น่าจะเข้าใจ ไม่น่าจะถึงขั้นต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งเป็นการข้ามขั้นตอน

กรณีงบประมาณของโรงพัก ที่ระบุว่า งบประมาณการจัดหาอุปกรณ์ วัสดุต่างๆ มีกำหนดไว้ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของโรงพัก แต่สาเหตุที่ไม่เบิกกัน เพราะต้องมีการทำเรื่องทำตามขั้นตอน ซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากจะติดแอร์ก็สามารถเบิกงบหลวงได้

นอกจากนี้ พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ ยังนำใบเสร็จรับเงินจากร้านติดตั้งแอร์ให้ทีมข่าวดู โดยเป็นค่าแอร์ขนาด 24,000 BTU 1 เครื่อง ราคา 22,000บาท, ค่าท่อน้ำยาแอร์ 6 เมตร เมตรละ 500 บาท รวม 3,000 บาท และรางครอบท่อ 1,000 บาท รวมถึงค่าล้างแอร์ ค่าซ่อมระบบแอร์ตัวอื่นๆ อีก รวมเป็นเงิน 33,000 บาท ซึ่งเงินที่เก็บจาก 11 ตำรวจชั้นประทวน รวม 25,3000 บาท ก็จะมีส่วนเกินจากยอดที่เก็บจากตำรวจชั้นประทวนประมาณ 8,000 บาท ซึ่งสารวัตรสืบสวน ก็เป็นผู้ออกให้  เพียงแต่ไม่ได้อธิบายให้กับทีมสืบสวนทราบ ซึ่งตนก็ไม่ได้กังวล อยากให้ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ คิดมากกว่านี้เพราะโตกันแล้ว

นอกจากนี้ ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลกับตำรวจชั้นประทวนทั้ง 10 นาย ที่มีรายชื่อว่าถูกเรียกเก็บเบี้ยเลี้ยง ซึ่งบางนายปฏิเสธการให้ข้อมูล บ้างนายก็ยืนยันว่า ตัวเองไม่ได้ตั้งใจเดินทางไปร้องทุกข์ที่ ปปท. เพียงแต่มีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ที่ถูกหักเงินด้วย ส่วนใหญ่บอกไม่ติดใจเอาความใดๆ และยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่

ขอบคุณ  รายการทุบโต๊ะข่าว อัมรินทร์ทีวี HD34