- 31 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิตโพสต์เฟซบุ๊ก "Arthit Ourairat"ว่า คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผลิตยาพ่นกัญชาบรรเทารักษามะเร็งสำเร็จแล้ว คณบดีและคณาจารย์นักวิจัยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้นำยาสเปรย์ Cannabis กัญชา บรรเทารักษาอาการเจ็บปวดและอาเจียรจากการรักษาทางเคมีบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งได้สำเร็จแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างขอจดทะเบียน อย.ให้ใช้สำหรับผู้ป่วยได้ต่อไปนั้น
ล่าสุดวันนี้ดร.อาทิตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arthit Ourairat อีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยมีการแจ้งถึงการดำเนินงานต่อไปเกี่ยวกับยารักษามะเร็ง พร้อมทั้งได้กล่าวถึงผลตอบรับหลังจากที่ได้แจ้งถึงความสำเร็จในการผลิตยาพ่นกัญชา เพราะมีคนเข้ามาติดต่อสอบถามเป็นจำนวนมากด้วยดังนี้
หลังจากที่ได้เรียนว่า คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้วิจัยและผลิตยาพ่นกัญชา Cannabis สำเร็จแล้ว เป็นแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อรักษาบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคมะเร็งและรักษาอาการอาเจียนและผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยเคมีบำบัด แต่ยังอยู่ในระหว่างขอขึ้นทะเบียนกับ อย.
ได้มีผู้สนใจ สอบถามและประสงค์จะขอยาเพื่อไปรักษาบรรเทาอาการโรคมะเร็งมามากมาย หลายหมื่นราย
มหาวิทยาลัยรังสิตเห็นใจผู้ป่วยและญาติมิตรเป็นอย่างยิ่ง อยากจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้ แต่ยังไม่สามารถทำได้ เพราะ อย. ยังไม่อนุมัติ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม และกำลังพยายามอย่างที่สุดที่จะขอให้ อย. กล้าที่จะอนุมัติให้ขึ้นทะเบียนได้ ทั้งนี้ก็เข้าใจว่า ไทยเรายังไม่เคยมีการคิดค้นวิจัยอะไรใหม่ๆได้ และไม่ค่อยเชื่ออะไรในคนไทย คอยแต่ตามฝรั่งต่างชาติอยู่ตลอดเวลา คอยลอกเลียนแบบเขา คอยซื้อจากเขา จึงต้องเป็นทาสเขามาตลอด ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเสมอ ซึ่งเป็นลักษณะประจำชาติไทย
และหลังจากยาตำรับแรกนี้แล้ว มหาวิทยาลัยรังสิตกำลังวิจัยผลิตยาตำหรับที่สอง. เป็นยาเม็ด อมและวางบนลิ้น เพื่อบรรเทารักษาอาการเจ็บปวดและอาเจียนเช่นเดียวกับตำรับแรก จะสำเร็จในระยะเวลาไม่นานนัก
และที่จะถือเป็นความสำเร็จและข่าวดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งทั้งหลายซึ่งมีมากมายหลายล้านคน คือตำรับยาที่ 3 ที่เป็นยากัญชารักษาโรคมะเร็งได้โดยตรง โดยนักวิจัยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นนักวิจัยกัญชาคนเดียวในประเทศไทย จะสำเร็จในเวลา 3 เดือนข้างหน้านี้
สำคัญอยู่ที่ว่า อย. จะเห็นใจ จะกล้าสนับสนุนหรือไม่ หรือจะโดนอิทธิพลบริษัทยาข้ามชาติกดดัน ควบคุมหรือไม่
ก็ต้องอยู่ที่ประชาชนคนไทยจะมีพลังช่วยกันกดดันให้รัฐบาลไทย นักกฎหมายไทย กล้าปลดแอก ปกป้องเอกราชอธิปไตยของไทย ผลประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยและสุวรรณภูมิเพียงใดหรือไม่
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Arthit Ourairat