- 07 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีที่วันนี้(7เม.ย.) นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 ได้ออกมาเปิดเผยถึงคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย และพวกรวม 4 คน ตกเป็นผู้ต้องหา หลังจากส่งสำนวนความเห็นของอัยการที่สั่งฟ้องนายเปรมชัย 6 ข้อหา และไม่สั่งฟ้อง 5 ข้อหานั้น
“ส่งให้กับตำรวจภูธรภาค 7 พิจารณาความเห็นแล้วนั้น ระหว่างนี้อัยการจะไม่ก้าวล่วงการทำงานของตำรวจ แต่ยืนยันแม้ข้อหาที่ไม่ได้สั่งฟ้อง อัยการก็จะบรรยายพฤติการณ์ทุกข้อหาประกอบคำฟ้องอยู่แล้ว การทำงานของอัยการ หากพยานหลักฐานพอฟ้องก็จะต้องสั่งฟ้อง แต่หากการกระทำนั้นไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย ก็จะไม่สั่งฟ้อง”
ทั้งนี้อธิบดีอัยการภาค 7 ยืนยันว่าทุกข้อหาที่จะสั่งฟ้องนั้นหวังผลในเอาผิดผู้ต้องหา เพราะเมื่อเบิกความต่อศาล อัยการต้องนำพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดีไปเบิกความ จะแตกต่างกับการรวบรวมสำนวนในชั้นของตำรวจที่เป็นระบบกล่าวหา ซึ่งผู้ต้องหาไม่มีโอกาสโต้แย้ง แต่ในชั้นอัยการเมื่อจะมีทนายความของผู้ต้องหามาโต้แย้ง ดังนั้นพยานหลักฐานทุกอย่างจะต้องแน่นหนา และทำอย่างรอบคอบ ไม่มีความเป็นห่วงเรื่องคดี เพราะข้อหาที่สั่งฟ้อง ล้วนเป็นข้อหาหนัก และไม่กังวลกระแสที่ไม่เห็นด้วย เพราะดำเนินการตรงไปตรงมา ปราศจากอคติอยู่แล้ว