อ่านซะ !! โพสต์เดียวจบ หมดคำถาม...ย้อนโพสต์ทนายตั้มก่อนรับช่วยลุงจรูญ เพราะครูปรีชาพิรุธชัดตั้งแต่ต้น!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

จากคดีความที่สังคมกำลังจับตามองอยู่ในขณะนี้กับกรณีหวย30ล้านอลเวงระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ กับ ครูปรีชา ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่ง ถึงเรื่องใครที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงของสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ จำนวนเงิน 30 ล้านบาท ซึ่งได้มีการสืบพยานหลักฐานและสอบพยานบุคคลกันมาโดยตลอด

 

และในคดีความครั้งนี้มีบุคคลคนหนึ่งที่เรียกได้ว่ามีบทบาทเป็นหลักไม่แพ้ครูปรีชาหรือร.ต.ท.จรูญ ก็คือ ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความของฝั่งร.ต.ท.จรูญนั่นเอง โดยหลายคนคงสงสัยว่าเหตุใดทนายตั้มยังคงปักหลักสู้อยู่ข้างร.ต.ท.จรูญ ทั้งๆที่หลายครั้งฝ่ายครูปรีชาได้งัดหลักฐานเด็ดหรือมีพยานปากเอกทั้งหลายออกมาช่วยยืนยันความบริสุทธิ์และยืนยันว่าล็อตเตอรี่ชุดนี้เป็นของครูปรีชา

อ่านซะ !! โพสต์เดียวจบ หมดคำถาม...ย้อนโพสต์ทนายตั้มก่อนรับช่วยลุงจรูญ เพราะครูปรีชาพิรุธชัดตั้งแต่ต้น!

สำหรับคำตอบนั้นขอย้อนไปที่โพสต์แรกของทนายตั้มเกี่ยวกับคดีนี้ โดยเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2560 ทนายตั้ม หรือ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด  เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์เรื่องราวคดีความของนายตำรวจเกษียณคนหนึ่ง ซึ่งก็คือร.ต.ท.จรูญ ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่1 งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 จำนวนเงิน30ล้านบาท ทว่าจู่ๆผ่านไปเกือบ1เดือนคุณลุงกลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวเข้าพบและอายัดเงินรางวัลโดยอ้างว่ามีผู้เสียหายแจ้งความว่าคุณลุงท่านนี้ขโมยลอตเตอรี่ของตนไป แต่ทว่าจากการสืบสวนข้อหลักฐานต่างๆพบพิรุธจำนวนมากและยังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงว่าอาจเป็นขบวนการสมอ้างที่มีนายตำรวจระดับสูงอยู่เบื้องหลัง

อ่านซะ !! โพสต์เดียวจบ หมดคำถาม...ย้อนโพสต์ทนายตั้มก่อนรับช่วยลุงจรูญ เพราะครูปรีชาพิรุธชัดตั้งแต่ต้น!

อ่านซะ !! โพสต์เดียวจบ หมดคำถาม...ย้อนโพสต์ทนายตั้มก่อนรับช่วยลุงจรูญ เพราะครูปรีชาพิรุธชัดตั้งแต่ต้น!

#ทุกขลาภถูกหวย30ล้านกลับจะต้องมาเป็นผู้ต้องหา

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา มีคุณลุงซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจเกษียณคนนึงถูกหวย 30 ล้านบาท ได้เอาเงินฝากเข้าบัญชี แล้วแบ่งส่วนนึงใช้หนี้บ้าน หนี้รถ เงินที่เหลือตั้งใจเก็บไว้ให้ลูกและใช้ในบั้นปลายชีวิต แต่แล้ววันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 ได้มีตำรวจเชิญไปพบ แล้วแจ้งว่า คุณลุงเป็นผู้ต้องสงสัยว่าขโมยล็อตเตอรี่ของคุณครูท่านนึงไป เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการอายัดเงิน 20 กว่าล้าน ของคุณลุงไป คุณลุงพยายามบอกแล้วว่าตนซื้อมาเองด้วยเงินสุจริต แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อ อ้างว่ามีหลักฐานว่าคุณครูไปซื้อเพราะมีแม่ค้าล็อตเตอรี่มายืนยันว่าขายให้ครูจริง!!

คุณลุงทุกข์ใจมากที่จู่ๆก็จะต้องเป็นผู้ต้องหา ต้องติดคุกเพราะมีคนมาอ้างว่าตนขโมยล็อตเตอรี่ไป มีเจ้าหน้าที่ธนาคารระดับสูงท่านหนึ่งเห็นถึงความไม่ชอบมาพากล ว่าน่าจะเป็นขบวนการสมอ้างมาเป็นคนถูกหวย จึงแนะนำให้คุณลุงมาหาทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ จนวันที่ 3 ธันวาคม 2560 คุณลุงได้เดินทางจากกาญจนบุรีมาหาผม เพื่อมาขอความเป็นธรรม อยากจะให้ช่วยสืบหาความจริง และ อยากจะให้สื่อมวลชนรับรู้เรื่องนี้

วันที่ลุงมาหา ผมก็พยายามค้นหาความจริง โดยขู่คุณลุงว่าหากโกหก ผมจะไม่ช่วย และเรื่องอาจจะเลวร้ายกว่าเดิม คุณลุงอาจต้องติดคุก แต่คุณลุงก็ยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นความจริง ผมจึงต้องไปหาหลักฐานถึงกาญจนบุรีและฟังความอีกครั้งหนึ่งเพื่อพิจารณา ว่าเรื่องที่คุณลุงเล่ามาเป็นความจริงหรือไม่?

วันที่ 3-4 ธันวาคม ผมจึงต้องลงพื้นที่ เพื่อสอบถาม บุคคลข้างเคียงซึ่งรู้จักกับทั้งสองฝ่าย ว่าลักษณะนิสัยของทั้งคู่เป็นอย่างไร และมีโอกาส ได้ไปคุยกับคุณครูซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ซื้อลอตเตอรี่ตัวจริง!! คุณครูกล่าวว่า ตนเป็นผู้ซื้อรางวัล โดยมีหลักฐานแน่นหนา เพราะว่าเคยคุยไลน์กับทางคนขายลอตเตอรี่ว่าจะซื้อเลข 26 และคนขายลอตเตอรี่ก็ยืนยันว่าตนได้ซื้อเลข ที่ถูกรางวัลที่ 1 จริง โดยสามารถจำเลขที่ขายให้คุณครูได้ทุกตัวทุกฉบับ แต่ถ้าคุณลุงจะเจรจา ตนยินดีที่จะแบ่งเงินให้ คุณลุงจำนวน 15 ล้าน เพราะถือว่าเคยทำบุญร่วมกันมา ประกอบกับตนเป็นผู้โอบอ้อมอารีและชอบแบ่งปัน จึงอยากจะให้จบเรื่องราว

เมื่อผมถามว่ายินดีจะออกสื่อเพื่อให้สังคมตัดสินไหม คุณครูบอกว่าไม่สะดวกเพราะตอนนี้เรื่องอยู่ในชั้นตำรวจแล้ว เมื่อผมขอดูไลน์ ว่าในวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ได้มีการคุยกับแม่ค้าขายลอตเตอรี่ว่าจะเอาเลขนี้จริงหรือไม่ คุณครูก็เอาโทรศัพท์มาให้ผมดู แต่เมื่อย้อนกลับไปในวันนั้น กลับไม่มีข้อความดังกล่าว ผมจึงถามคุณครูว่าข้อความดังกล่าวหายไปไหน คุณครูอ้างกับผมว่า ตำรวจไม่ต้องการให้เผยแพร่ จึงเก็บข้อความนั้นไว้ เป็นหลักฐานหมดแล้ว ผมจึงถามต่อไปว่า แล้วทำไมต้องลบออก คุณครูตอบกับผมเพียงว่า ตำรวจบอกว่าไม่อยากให้คนเห็นข้อความนี้เยอะ จึงกลัวคุณครูจะเอาไปให้ใครดูจึงลบออกเฉพาะวันที่ 31 ตุลาคม

จากการคุย กับทั้งสองฝ่าย ทำให้ผม เห็นข้อพิรุธ หลายๆอย่างในคดีนี้ แล้วจึงตัดสินใจ เป็นทนายให้กับคุณลุงและครอบครัว วันที่ผมลงพื้นที่ หาข้อมูล ผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงคนหนึ่งซึ่งเขาได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับผม เราทั้งสองฝ่ายได้ข้อมูลมาเหมือนกันว่าขบวนการนี้ มีนายตำรวจระดับสูงรับงานมาหากว่าสำเร็จ จะมีค่าดำเนินการ 15 ล้านบาท ซึ่งผมจะเปิดโปงขบวนการนี้ ให้สังคมได้รับรู้ในเวลาต่อไปครับ

อ่านซะ !! โพสต์เดียวจบ หมดคำถาม...ย้อนโพสต์ทนายตั้มก่อนรับช่วยลุงจรูญ เพราะครูปรีชาพิรุธชัดตั้งแต่ต้น!

และล่าสุด เมื่อวานนี้ (25 เม.ย. 2561) ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายความประชาชนฯ ทนายความส่วนตัวของ ร.ต.ท.จรูญ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีหมายเลขดำที่ พ.1230/2560 กรณีนายปรีชา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ ซึ่งคดีนี้ศาลกำหนดนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 1 พ.ค.61 โดยนายษิทรา ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงแล้วเสร็จ

นายษิทรา เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อขอให้ศาลจำหน่ายในคดีแพ่ง ที่จะมีการสืบพยานโจทก์ในวันที่ 1 พ.ค.61 โดยได้ให้เหตุผลว่าคดีนี้มีการฟ้องคดีอาญา ในข้อหาว่า ร.ต.ท.จรูญ ยักยอก รับของโจร เรื่องของลอตเตอรี่ที่เป็นข้อพิพาทกันอยู่ ซึ่งมีประเด็นคดีเดียวกัน คดีแพ่งจำต้องถือตามคดีอาญา อีกทั้งสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เราได้ทำหมายขอไว้แล้ว แต่ได้มาตรวจสอบแล้วปรากฏว่าสำนวนยังไม่เข้า จึงให้เหตุผลดังกล่าวยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งเลื่อนคดีแพ่งออกไปก่อน เพื่อให้รอผลในคดีอาญา

“ส่วนศาลจะรับหรือไม่รับก็แล้วแต่ดุลยพินิจ แต่ตามหลักของกฎหมายคดีแพ่งต้องถือตามคดีอาญา ซึ่งก็ต้องรอให้เป็นไปตามคดีอาญาอยู่ดี อย่างไรก็ตามขอรอดูดุลยพินิจของศาลอีกครั้ง ซึ่งท่านจะสั่งออกมาในวันที่ 1 พ.ค.61 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยาน” นายษิทรา กล่าว

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ออกมาแย้มว่าอาจจะมีการส่งสำนวนกลับ ซึ่งการส่งสำนวนกลับก็คงจะเป็นในประเด็นที่ว่าทางอัยการส่งมาให้กับทางกองปราบปราม ในส่วนสำนวนของ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีต ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ก็คงจะดำเนินการ เพราะอยู่ในร่างของ ป.ป.ช.อยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทาง ป.ป.ช.ว่าอยู่ในอำนาจของกองปราบปราม หรือ ป.ป.ช.หรือไม่

“ถึงตรงนี้เรายังมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ ต้องขอขอบคุณทางตำรวจสอบสวนกลาง และพนักงานสอบสวนของกองปราบปรามด้วย ที่รวบรวมหลักฐานมาค่อนข้างที่จะแน่นหนา แต่ติดอยู่ที่ว่าขั้นตอนของกฎหมายที่เราจะขอหลักฐานตัวนี้มาได้เท่านั้น แต่เมื่อไรที่เราขอหลักฐานตรงนี้มาได้ เราจะมีพยานหลักฐานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่จะนำมาใช้สู้คดีได้อย่างแน่นอน”

 

 

 

 

ขอบคุณ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ