ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

    จากเหตุการณ์พระธีระ เจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ได้ปีนขึ้นไปอยู่บนเสาส่งสัญญาณภายในสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ย่านพุทธมณฑลสาย 3 ที่ระดับความสูงประมาณ 40 เมตร ตั่งแต่เมื่อวานนี้ ขณะนี้ทั้งเจ้าหน้าที่ ชาวบ้านสามารถเกลี้ยกล่อมให้พระธีระ ลงมาจากเสาสัญญาณได้สำเร็จ รวมระยะเวลาที่พระธีระขึ้นไปอยู่บนเสาสัญญาณนานกว่า 30 ชั่วโมง

ยังไงก็ไม่ลง อีก13วันค่อยว่ากัน!! พระปีนเสาประท้วง ใจแข็งไม่ยอมลงง่ายๆ ขอผ่อนปรนค่าที่ดิน-ยันขอพบเจ้าหน้าที่ธนาคาร (คลิป)


เบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวพระธีระไปยัง สภ.ธรรมศาลา เพื่อสอบสวนและประสานเจ้าหน้าที่ธนาคารให้เข้ามาพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาที่ดินต่อไป
   เริ่มขอความร่วมมือให้สื่อมวลชนและผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ เพื่อทำการเจรจาต่อรองกับพระครูปลัดธีระ  โดยมีนายมนัส  เติมธนะศักดิ์ หนึ่งในลูกศิษย์ที่เข้ามาปฏิบัติธรรมในสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ซึ่งพูดคุยกันถูกคอเป็นผู้เจรจา โดยมีการยื่นข้อเสนอว่าจะช่วยกันระดมทุน ขึ้นมาหนึ่งก้อนจำนวน3-5ล้านบาท  เพื่อนำไปซื้อที่ดินตรงนี้ ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมประมาณ30นาที พระครูธีระ ก็มีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมรับข้อเสนอและตกลงว่าจะลงจากเสาสัณญานเพื่อลงมาพูดคุยข้างล่าง

จากนั้นได้โยนเครื่องอัฐบริขาร ย่าม ขวดน้ำ ที่นำขึ้น ลงมาข้างล่างค่อยๆปีนลงมาด้วยตัวเองพร้อมถือแผ่นไม้กระดานลงมาด้วย 
เมื่อลงมาถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยกันถอดอุปกรณ์เซฟตี้ออกจากตัวของพระครูปลัดธีระ
....เจ้าคณะเขตทวีวัฒนา บอกว่า ให้ทางพระครูธีระ ทำใจให้สบาย ปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ อย่าคิดว่ามันเป็นปัญหาหนักแค่เราคนเดียว อย่าแบกปัญหาไว้คนเดียวซึ่งในฐานะเจ้าคณะเขตก็พร้อมจะเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้อีกทางหนึ่ง โดยยินดีให้ความเป็นธรรมทุกอย่าง
ด้านนายมนัส  เติมธนะศักดิ์  บอกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอเจรจากับธนาคารในวันจันทร์ที่จะถึง เนื่องจากศาลได้มีคำสั่งทางคดีไปเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการเจราจาขอใช้สิทธิ์การทำสัญญาต่อ พร้อมระดมทุนบริจาค กับลูกศิษย์และเพื่อนๆ จำนวน3-5ล้านบาท มาผ่อนจ่ายกับธนาคาร 
ทั้งนี้เจ้าคณะเขต บอกว่า กรณีเรื่องการทำสำนักสงฆ์ เบื้องต้นพื้นที่ตรงนี้ยังไม่มีการจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์อย่างถูกต้องตามขั้นตอน 
 

ด้านพระครูปลัดธีระ ก็เปิดใจถึงสาเหตุที่เลือกวิธีปืนเสาส่งสัญญาน เพื่อเรียกร้องขอเจรจากับทางธนาคาร ก็เป็นวิธีสุดท้ายแล้วที่ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพราะที่ผ่านมาพยายามต่อรองมาทุกวิธีแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ โดยมีความตั้งใจที่จะจัดตั้งสถานที่แห่งนี้ให้เป็นสถานปฏิบัติธรรมที่หล่อหลอมขัดเกลา พระสงฆ์ทั้งไทยและต่างชาติที่เข้ามา  พร้อมยืนยันว่าพระเขมรที่หลายคนพูดถึงว่าเข้ามาอยู่ในสำนักสงฆ์แห่งนี้ผ่านการตรวจสอบใบสุทธิและมีเอกสารหนังสือเดินทางครบถ้วนทุกรูป 
   ส่วนประเด็นที่มีการตะโกนด่าทอพระครูเมตตามงคลวิศิษฐ์ เจ้าอาวาสวัดวิศิษฐ์บุณญาวาส ที่เข้ามาช่วยเจราจาเมื่อช่วงบ่าย ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงวันมาฆบูชา ที่ผ่านมาพระครูเมตตา ก็ได้มีการเข้ามาพูดคุย และบอกว่าจะมาปฏิบัติธรรมด้วย ซึ่งตนเองก็ได้บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เมื่อถึงวันที่นัดหมาย พระครูเมตตากลับไม่เดินทางมาตามสัญญา โดยมีฝ่ายกฏหมายของทางธนาคารเข้ามาเจรจาแทน โดยมีเรื่องราวทั้งนี้ที่ตนเองเคยคุยไว้กับพระครูเมตตาเท่านั้น และไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร
    ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเงินมัดจำก้อนแรก จำนวน5แสนบาท ได้มาจากเณรคำนั้นไม่เป็นความจริง เพราะเงินทั้งหมด มาจากบรรดาลูกศิษย์ลูกหาช่วยกันระดมทุนมาให้
นางสมรรัตน์ อรรถนิตย์ ผู้อำนวยการเขตทวีวัฒนา เปิดเผยว่า ที่ดินพื้นที่ 14 ไร่เศษภายในสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี เดิมทีเมื่อ 10 ปีก่อน เป็นพื้นที่ของเอกชน และมีการจัดสร้างรีสอร์ท แต่ไม่สำเร็จ กลายเป็นรีสอร์ทร้าง ถูกธนาคารยึดไว้ ก่อนที่ในปี 2554 พระครูปลัดธีระ ธุดงค์มาเจอ จึงถูกใจและใช้สถานที่ดังกล่าว เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรม โดยมีการเจรจากับธนาคารขอซื้อพื้นที่ ในราคา 60 ล้านบาท พร้อมกับมีการจ่ายค่ามัดจำครั้งแรกในราคา 5 แสนบาทตามหลักฐาน 
 

   โดยหลังจากนั้นทราบว่าเมื่อครบสัญญาวันชำระเงิน ปรากฎว่า ทางพระครูปลัดธีระไม่มีเงินจ่าย จึงเกิดการฟ้องร้องคดี และศาลมีคำพิพากษาถือว่าเป็นที่สิ้นสุดแล้ว คือ ธนาคารเป็นเจ้าของที่ดิน ส่วนพระครูปลัดธีระเป็นผู้บุกรุกพื้นที่  ซึ่งมีข้อมูลรายงานมาว่าพื้นที่ดังกล่าว หลวงปู่เณรดำเป็นผู้จ่ายเงินค่ามัดจำให้กับพระครูปลัดธีระ ก่อนถูกดำเนินคดี
    นอกจากนี้ทางเขตทวีวัฒนา วันนี้มาทำหน้าที่ดูแลพื้นที่และความเรียบร้อย พร้อมกับนำหินมาถมดินพื้นที่บริเวณหน้าสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตีให้ ตามที่พระครูปลัดธีระร้องขอ ส่วนเรื่องของพระครูปลัดธีระ การดำเนินการ ต้องเป็นเรื่องของสำนักพุทธที่จะพิจารณาดำเนินการต่อไป