9ชั่วโมงในศิริราช...จากอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ!?! คืนที่ชั่วชีวิตไม่เคยได้เห็นพระองค์บรรทม?!? เรื่องเล่าในความทรงจำ วินาทีหัวใจแทบขาด???

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

จากกรณีตำรวจกองปราบปรามกว่า100 นายอาวุธครบมือบุกเข้าจับกุม พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ถึงกุฏิ ทั้งยังถูกแจ้งข้อหา ปล้นทรัพย์ อั้งยี่ และซ่องโจรด้วย โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลได้พิจารณาไม่ให้ประกันตัวเพราะเห็นว่ามีพฤติการณ์ที่ร้ายแรง จากนั้นก็มีการสึกพระพุทธะอิสระและนำเข้าเรือนจำในชุดขาว

 

 

9ชั่วโมงในศิริราช...จากอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ!?! คืนที่ชั่วชีวิตไม่เคยได้เห็นพระองค์บรรทม?!? เรื่องเล่าในความทรงจำ วินาทีหัวใจแทบขาด???

 

ก่อนหน้านี้ในวันครบครอบหนึ่งปี การเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เฟซบุ๊ก พระพุทธะอิสระได้บอกเล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ในคืนวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งพระพุทธะอิสระ ได้เดินทางเข้าไปที่โรงพยาบาลศิริราชเพื่อหวังจะขออยู่เป็นเพื่อนพระบรมศพ จากนั้นก็ได้เกิดเรื่องราวต่างๆขึ้นมากมาย ตลอดค่ำคืนนั้น จึงขอนำบางช่วงของเหตุการณ์นี้มาเผยแพร่อีกครั้ง เพื่อระลึกถึงความทรงจำนั้นกับอดีตพระพุทธะอิสระดังนี้

 

 

 

 

9ชั่วโมงในศิริราช...จากอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ!?! คืนที่ชั่วชีวิตไม่เคยได้เห็นพระองค์บรรทม?!? เรื่องเล่าในความทรงจำ วินาทีหัวใจแทบขาด???

 

จาก ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึง ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๐

 

๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๐

 

ยังจำได้ไม่มีวันลืม เช้าวันที่ ๑๓ ต.ค. ๕๙ คณะพวกเราชาวเวทีแจ้งวัฒนะ และครอบครัวธรรมอิสระ พากันนำข้าวสารอาหารแห้งและข้าวห่อปรุงสุกน้ำดื่มพร้อมปัจจัยใส่ซองๆ ละ ๓๐๐ บาท

 

ของทั้งหมดขนขึ้นรถ ๑๐ ล้อไปจนเต็มคัน เพื่อเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ อ.บางบาล อ.อินทร์บุรี และ อ.เสนา จ.สิงห์บุรี และ อ.บางไทร จ.อยุธยา

 

วันนั้นตื่นเช้าหลังจากทำภารกิจสวดมนต์ทำวัตรเช้าที่กุฏิแล้ว ฉันเช้า เตรียมออกเดินทางด้วยจิตที่กระสับกระส่าย เพราะช่วงดึกของวันนั้นได้รับข่าวสารมาจากท่านผู้เจริญท่านหนึ่งว่า พระเจ้าอยู่หัวกำลังจะทรงสวรรคต

 

แต่ก็ด้วยหัวใจที่เชื่อมั่นว่าพระองค์จักต้องทรงอยู่กับประชาชนอันเป็นที่รักยิ่งของพระองค์ไปจนครบ ๑๒๐ ปี ตามที่พวกเราฝัน

 

9ชั่วโมงในศิริราช...จากอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ!?! คืนที่ชั่วชีวิตไม่เคยได้เห็นพระองค์บรรทม?!? เรื่องเล่าในความทรงจำ วินาทีหัวใจแทบขาด???

 

อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงพี่น้องชาวสิงห์บุรี อยุธยา กำลังประสบภัยน้ำท่วม จึงตัดสินใจออกเดินทางไปแจกข้าวสารอาหาแห้งแต่เช้า โดยนัดพี่น้องชาวแจ้วัฒนะไปร่วมกันแจกของช่วยผู้ประสบภัยจนเวลาล่วงเลยไปเกือบ ๔ โมงเย็น

 

ขณะที่กำลังจะเข้าไปตรวจเยี่ยมพี่น้องชาวบางไทร ที่ถูกน้ำท่วม มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกับผู้หมวดกุด

 

มันบอกฉันว่า ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ โทรมาขอเรียนสายกับหลวงปู่

 

ฉันรับโทรศัพท์มาคุย คำแรกที่หูฉันได้ยินคือ หลวงปู่ครับ ในหลวงเสด็จสวรรคตเสียแล้ว พร้อมเสียงสะอื้นตามมา

 

ฉันฟังแล้วเหมือนถูกสาดด้วยน้ำแข็งที่เย็นเฉียบ และตามด้วยน้ำร้อนที่กำลังเดือด แต่ด้วยอำนาจของสติสัมปชัญญะ จึงได้กล่าวขอบคุณคุณปราโมทย์ แล้วส่งโทรศัพท์คืนเจ้ากุด พร้อมกับนั่งทบทวนสิ่งที่หูได้ยินมา

 

9ชั่วโมงในศิริราช...จากอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ!?! คืนที่ชั่วชีวิตไม่เคยได้เห็นพระองค์บรรทม?!? เรื่องเล่าในความทรงจำ วินาทีหัวใจแทบขาด???

 

ขณะรอเวลาพระสงฆ์มาพร้อมกัน ฉันรีบเข้ากุฏิสรงน้ำ พร้อมแต่งตัวลงโบสถ์ ขอให้พระเณรตีฆ้อง กอง ระฆัง เพื่อน้อมส่งเสด็จพระเจ้าอยู่หัวสู่สวรรคาลัย

 

พระเณรทั้งวัดสวดมาติกาบังสุกุล ๙ จบ ฉันสวดไม่ครบ ๙ จบ หัวจิตหัวใจมันอยากจะกระโดดกระโจนโลดแล่นออกจากกายไปเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวที่โรงพยาบาลศิริราชในบัดดล

 

ฉันจึงกราบพระแล้วขอโอกาสคณะสงฆ์รีบเดินทางมาเฝ้าสวดมนต์ถวายเป็นเพื่อนพระบรมศพพระเจ้าอยู่หัวที่โรงพยาบาลศิริราช ณ อาคารศิริราช ๑๐๐ ปี

 

จึงสั่งให้เจ้ากุดรวบรวมหนังสือสวดมนต์นำไปแจกให้กับพี่น้องประชาชนที่มารอเฝ้าพระบรมศพที่อาคารศิริราชร้อยปีด้วย

 

เมื่อสั่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงขึ้นรถ ดาบแสบเป็นผู้ขับ ผู้หมวดกุดและดาบแจ้ ดาบสุรางค์ เป็นผู้ติดตาม

 

ในขณะนั้นฉันไม่ทราบสถานการณ์ที่โรงพยาบาลศิริราชว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่จิตใจได้โลดแล่นมาถึงโรงพยาบาลศิริราชนานแล้ว

 

9ชั่วโมงในศิริราช...จากอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ!?! คืนที่ชั่วชีวิตไม่เคยได้เห็นพระองค์บรรทม?!? เรื่องเล่าในความทรงจำ วินาทีหัวใจแทบขาด???

 

ฉันกำชัยให้เจ้าแสบรีบเร่งขับรถมาโรงพยาบาลอย่างเร็วไว พอรถเข้าเขตสะพานพระปิ่นเกล้า จึงได้รู้ว่ามีการกักด่านแยกถนนอรุณอัมรินทร์ เส้นทางที่จะเข้าโรงพยาบาลศิริราช เขามิให้รถเข้า

 

ขณะนั้นรถที่ฉันนั่งซึ่งขับโดยเจ้าแสบ ก็พยายามแทรกไปจนถึงด้านใน

 

ฉันนึกภาวนาอยู่ในใจว่าขอบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ให้ลูกไทยคนนี้ได้มีโอกาสไปเข้าเฝ้าอยู่เป็นเพื่อนพระบรมศพตามโบราณราชประเพณีด้วยเถิด

 

ฉันสั่งให้เจ้าแสบโทรประสานเจ้าแป๊ะหัวหน้าช่างภาพ ที่เดินทางมาจากบ้าน เมื่อมันรู้ว่าฉันจะมาโรงพยาบาลศิริราช เจ้าแป๊ะก็ขับมอเตอร์ไซต์มาก่อนล่วงหน้า พยายามเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านสกัดรถ มันแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ว่าพุทธะอิสระจะเข้าไปสวดมนต์เฝ้าพระบรมศพที่อาคารศิริราชร้อยปี

 

9ชั่วโมงในศิริราช...จากอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ!?! คืนที่ชั่วชีวิตไม่เคยได้เห็นพระองค์บรรทม?!? เรื่องเล่าในความทรงจำ วินาทีหัวใจแทบขาด???

 

รถได้แล่นมาถึงหน้าอาคารโรงพยาบาลปิยการุณ ติดกับโรงพยาบาลศิริราช มาเจอกับด่านนายตำรวจใหญ่และมีกลุ่มคนยืนอยู่อีกร่วมร้อยคน รอที่จะเข้าไปในบริเวณอาคารศิริราชร้อยปี แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต

 

ฉันลงจากรถแสดงตน นายตำรวจท่านหนึ่งยศพลตรีเข้ามาทำความเคารพแล้วแจ้งว่า มีประกาศเคลียร์พื้นที่ ผลักดันประชาชนให้ออกจากพื้นที่อาคารศิริราชร้อยปีหมดแล้วครับ เวลานี้และในบริเวณอาคารร้อยปีมีแต่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและผู้ป่วยเท่านั้น

 

ณรงฤทธิ์พนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตพร้อมครอบครัว ที่เดินทางมาก่อนหน้าฉันและตกค้างอยู่ในพื้นที่พยายามอธิบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบถึงวัตถุประสงค์ที่เรามา แม้ผู้หมวดกุดกับเจ้าแป๊ะจะแห่กล่อมอย่างไร แต่ก็ไร้ผล

 

ขณะนั้นประชาชนที่มายืนออรอที่จะเข้าไปในบริเวณอาคารศิริราชร้อยปีก็เริ่มเข้ามายืนล้อมฉัน คงจะมุ่งหวังว่าถ้าฉันเจรจาสำเร็จจะได้ติดตามเข้าไปด้วย

 

แต่การเจรจาก็ไร้ผล ฉันยืนเงยหน้ามองบนฟ้าและมองเข้าไปในโรงพยาบาล แล้วอธิษฐานในใจว่า

 

พ่อจ๋า ลูกไทยคนนี้มาแล้ว แต่ยังไม่สามารถเข้าไปข้างในอาคารที่พ่อประทับอยู่ได้ ขอพ่อได้โปรดเปิดทางให้ลูกด้วย

 

9ชั่วโมงในศิริราช...จากอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ!?! คืนที่ชั่วชีวิตไม่เคยได้เห็นพระองค์บรรทม?!? เรื่องเล่าในความทรงจำ วินาทีหัวใจแทบขาด???

 

พลันฉันก็นึกถึงบุคคลผู้หนึ่งที่คุ้นเคยกันดี คือท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ฉันจึงสั่งให้ผู้ติดตามค้นหาเบอร์ โดยประสานกับเลขามูลนิธิธรรมอิสระ ชูใจ

 

เมื่อได้เบอร์โทรมาแล้ว ก็ให้เจ้ากุดติดต่อแจ้งไปว่า ฉันต้องการจะเข้าไปเจริญมนต์ถวายความอาลัยอยู่เป็นเพื่อนพระบรมศพตลอดทั้งคืน ขออนุญาตเข้าไปด้วย

 

เวลาต่อมา สุภาพสตรีท่านหนึ่งรูปร่างสมบูรณ์ อายุราว ๒๕ ร่วม ๓๐ ปี ใส่กระโปรงแค่เข่าสีเทาดำ สวมเสื้อแขนตุ๊กตายาว กระดุมปิดถึงคอ ดูจะเป็นผ้าแพร่ระบายลายดอก สีควันบุหรี่

 

เดินมาที่ด่านพร้อมบอกว่า ผศ.นพ.พิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผอ.รพ.ศิริราช ให้มารับและคณะติดตามไม่เกิน ๗ คน

 

 

ฉันน้ำตาไหลพราก ขอบคุณคุณหมอพิศิษฎ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล และคุณสุภาพสตรีที่นำข่าวอันเป็นมงคลมาบอกและนำทาง

 

ขอบคุณในมหาบารมีขององค์พ่อหลวงผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง ที่เปิดโอกาสให้ลูกไทยคนนี้ได้เข้าไปทำหน้าที่เจริญมนต์ถวายอาลัยเป็นเพื่อนพระบรมศพ

 

พอฉันเดินทางเข้ามาถึงอาคารศิริราชร้อยปีแล้ว มีบรรดาญาติผู้ป่วยและแพทย์พยาบาลที่ออกเวรแล้วไม่กลับบ้าน นั่งรออยู่ใต้อาคารโถงชั้นล่างร่วมร้อยคน

 

พอได้เห็นฉันทุกคนอุทานว่าพระมาโปรดเรา หลวงปู่พุทธะอิสระมาแล้ว

 

9ชั่วโมงในศิริราช...จากอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ!?! คืนที่ชั่วชีวิตไม่เคยได้เห็นพระองค์บรรทม?!? เรื่องเล่าในความทรงจำ วินาทีหัวใจแทบขาด???

 

ฉันจึงพูดทั้งน้ำตาว่า พวกเรามาแปรความเศร้าโศกให้เป็นมรณานุสสติ ด้วยการเจริญพระพุทธมนต์เป็นเพื่อนพระบรมศพจนถึงเช้ากันดีกว่า

 

แล้วฉันจึงสั่งให้คนติดตามนำเอากระดาษบทสวดมนต์มาแจกจ่าย

 

พวกเราสวดมนต์กันตั้งแต่ ๓ ทุ่มจนถึง ๖ โมงเช้า สลับกับการนั่งเจริญมรณานุสสติ

 

พวกเราเจริญมนต์ไปถึง ๑๑ โมงครึ่ง แผ่เมตตาอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแล้วพัก

 

ฉันปลีกตัวออกมานั่งผ่อนคลายรอคอยขบวนเสด็จพระบรมศพอยู่ที่ท่าเสด็จริมน้ำ ณ โรงพยาบาลศิริราช

 

รุ่งรัตน์และเจ้านนท์พร้อมแม่มันนำอาหารมาถวายเพล ฉันจึงสำรวจดูอาการทางกาย เห็นว่าร่างจะทนอยู่ได้อีกหนึ่งวันโดยไม่หลับไม่นอน เราจะต้องได้สารอาหาร จึงยินยอมฉันอาหารเพล

 

หลังจากฉันเพลที่ศาลาริมน้ำแล้ว ได้เดินทางออกมานั่งรอขบวนอัญเชิญพระบรมศพ ยิ่งสาย เวลาล่วงเลยไปมากเท่าไหร่ ผู้คนต่างพากันมานั่งรอส่งเสด็จกันอย่างเนืองแน่น ด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา

 

 

ฉันจึงบอกเจ้าผู้หมวดกุดแถลงว่า ให้ไปแจ้งแก่ผู้ที่จองเอาไว้ให้ฉันว่า สละที่ตรงนั้นให้แก่ชาวบ้านไปเถิด ส่วนพวกเราขอเฝ้าส่งเสด็จอยู่ตรงท่าน้ำนี้ก็แล้วกัน แม้จะห่างไกล แต่ก็ยังพอมองเห็นขบวนเสด็จไปช่วงแว๊บหนึ่งก็เป็นบุญตาแล้ว

 

ตั้งแต่วินาทีที่รู้ว่าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสู่สวรรคาลัย จนถึงเวลานี้น้ำตาฉันยังไม่หยุดไหลเลย

 

ฉันเกรงว่าจะพาชาวบ้านเขาร้องไห้ตามไปด้วย เลยขอนั่งรอน้อมส่งเสด็จพระองค์อยู่ด้านหลังสุดก็แล้วกัน ขอเพียงให้ได้เห็น ได้อยู่ใกล้ แค่นี้ก็พอใจแล้ว

 

พอถึงเวลาขบวนเสด็จเห็นพระหีบที่บรรจุพระสรีระขององค์พ่อผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่งแล้ว ยิ่งหัวใจแทบขาด

 

ชั่วชีวิตของพวกเราไม่เคยได้เห็นพระองค์บรรทมให้เราดู เห็นแต่พระองค์ท่านทรงแต่งานเพื่อประโยชน์สุขของมหาชน

 

แม้จะมีโอกาสได้เห็นขบวนเสด็จเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ติดตาตรึงใจมาถึงวันนี้อย่างไม่ลืมเลือน

 

จาก ๑๓ ต.ค. ๕๙ มาถึงวันนี้ ๑๓ ต.ค. ๖๐

 

ลูกไทยทุกคนมิเคยลืมเลือนภาพพระกรณียกิจที่พระองค์ได้ทรงกระทำให้แก่แผ่นดินไทยเลย

 

วันนี้พวกเราจึงมาประชุมพร้อมกันสวดมาติกาบังสุกุล ถวายสังฆทาน เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พ่อหลวงผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง

 

ขอดวงพระวิญญาณของพระองค์ทรงโปรดรับรู้ด้วยญาณวิถี ต่อการแสดงความกตัญญูกตเวทิตา ของพวกลูกไทยในครั้งนี้ ในวโรกาสครบรอบ ๑ ปี ที่พระองค์ทรงเสด็จสู่สวรรคาลัย

 

ขอพระองค์ทรงเสด็จสู่ทิพยสถานอำไพ ทรงพักผ่อนให้สำราญเบิกบานพระราชหฤทัย ทรงพระเกษมสำราญทุกทิพาราตรีกาลเทอญ

 

ขอถวายพระพร

 

พุทธะอิสระ

 

9ชั่วโมงในศิริราช...จากอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ!?! คืนที่ชั่วชีวิตไม่เคยได้เห็นพระองค์บรรทม?!? เรื่องเล่าในความทรงจำ วินาทีหัวใจแทบขาด???

 

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : พระพุทธะอิสระ