- 26 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่24พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม นำกำลังตำรวจกองปราบปราม และตำรวจ ปอท. กว่า100 นายอาวุธครบมือ พร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้นและ จับกุมพระเถรชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคดีเงินทอนวัดประกอบด้วย วัดสามพระยา วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสัมพันธวงศาราม รวมทั้งวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เชิญ พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เจ้าคณะกรุงเทพฯ และกรรมการมหาเถรสมาคม กับพระลูกวัด พระพุทธะอิสระแห่งวัดอ้อน้อย มาที่กองปราบปรามเพื่อสอบปากคำหลังเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าว นอกจากนี้ พระพุทธอิสระ ยังถูกแจ้งข้อหา อื่น อาทิ ปล้นทรัพย์ อั้งยี่ และซ่องโจรด้วย
ต่อมาเมื่อวีดีโอเหตุการณ์บุกจับอดีตพระพุทธะอิสระ ได้ถูกเผยแพร่ออกมา ก็ปรากฏว่ามีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ โดยตั้งคำถามว่าทำเกินกว่าเหตุหรือไม่กับการจับกุมพระรูปเดียว ซึ่งคลิปวีดีโอดังกล่าวนี้มีรายงานว่า เป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติการณ์เป็นผู้ถ่ายคลิปเอง เป็นผู้ลงมือบันทึกไว้ ก่อนที่จะมีการนำออกมาเผยแพร่ในโลกโซเชียลฯ ซึ่งดูเหมือนว่าจะกลายเป็นผลร้ายกับทางเจ้าหน้าที่เสียเอง
ขณะที่ พ.ต.ท.เอกราช หุ่นงาม รอง ผกก.ป.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ หรือที่หลายคนรู้จักในนาม "สารวัตรเอก" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว สารวัตรเอก หุ่น ถึงการโพสต์ลงในโลกโซเชียล อาจกลายเป็นอาวุธทำร้ายตัวเอง ผลสะท้อนกลับมาแทนที่จะเป็นผลดีจากการทำงาน กลับกลายเป็นผลร้าย
หลายคนคิดว่าโลกโซเชี่ยล เป็นเครื่องมือในการป้องกันตัว แต่หารู้ไม่ว่า มันเป็นเพียงเส้นยาแดงเท่านั้นเอง ที่กันไว้ ระหว่างการใช้เป็นเกราะป้องกันตัว กับใช้เป็นอาวุธทำร้ายตัวเอง ดังนั้นถ้าไม่ชัดเจนพอ จงคิดให้ดีดี เพราะผลสะท้อนกลับมาแทนที่คุณจะได้รับผลดีจากการทำงาน กลับกลายเป็นรับผลร้ายกับตัวเองซะเปล่าๆ เพราะประชาชนเขาเห็นเขามีสมอง มีความคิดที่หลากหลายยิ่งนักในโลกปัจจุบัน!!
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : สารวัตรเอก หุ่น