- 02 มิ.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เปิดคลิป วินาทีสุดระทึก โพสต์โดยผู็ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง เป็นเหตุการณ์ขณะที่ขับรถอยู่บนถนนดีดี จู่ๆ รถแท็กซี่ขับมาจากไหนไม่รู้ ปาดเข้าเลนเฉี่ยวชนด้านหน้าของรถเข้าอย่างจัง ทำเอาคนในรถตกใจกัน จอดรถอยู่สักพักจึงตัดสินใจขับไปต่อ
ขณะที่แท็กซี่คันก่อเหตุขับหนีเข้ากลีบเมฆไร้ร่องรอย ไร้ความรับปิดชอบ กล้องหน้ารถสามารถจับภาพเอาไว้ชัด ทุกเหตุการณ์ (ชมคลิป)
การขับรถปาดหน้ารถของผู้อื่นนั้นหากเป็นเหตุให้ผู้อื่นต้องกระทำการหยุดรถรถโดยกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือทรัพย์สินของถูกปาดหน้าเพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย เป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 หากได้ความว่าผู้ปาดหน้าเห็นรถของผู้ถูกปาดหน้าขับมาด้วยความเร็วอาจมีความผิดฐานพยายามฆ่าได้
หากการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้ถูกปาดหน้ารถได้รับปาดเจ็บเป็นความผิดฐานเจตนาทำร้ายร่างกาย
ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวกับท่านแล้วผู้กระทำอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ ข้ออ้างของผู้กระทำฟังไม่ขึ้น
หากการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้ถูกปาดหน้าได้รับความเสียหายสามารถฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิดได้ตามมาตรา420ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หลักกฎหมาย
คำพิพากษาฎีกาที่ 1547/2511 จำเลยขับรถปิดเส้นทางไม่ยอมให้ผู้ตายซึ่งขับรถตามหลังมาแซง ขึ้นหน้า เมื่อรถโดยสารประจำทางแล่นสวนทางมา จำเลยก็แกล้งเบรค ให้รถหยุดในทันที การกระทำเช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าผู้ตายต้อง หักหลบไปทางขวาและชนกับรถโดยสารนั้น ซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผล ของการกระทำของจำเลยได้ว่าจะมีผู้ได้รับอันตรายบาดเจ็บและตาย เกิดขึ้นจากเหตุที่รถยนต์ชนกันนั้น ฉะนั้นเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย ด้วยผลแห่งการกระทำของจำเลยดังกล่าว จึงได้ชื่อว่าจำเลยมีเจตนา ฆ่าผู้ตาย
เลขที่ฎีกา 1717/2527 โจทก์ขับรถมาจอดหลังรถจำเลย มีเสียงแตรดังเมื่อขับรถต่อไปติดสัญญาณไฟด้วยกัน จำเลยลงจากรถมาถามโจทก์ว่าบีบแตรไล่ทำไมโจทก์ว่าไม่บีบ เกิดโต้เถียงกัน โจทก์พูว่าจะเป็นทหารเกเรหรืออย่างไรจำเลยโกรธจึงจับแขนโจทก์ซึ่งวางพาดประตูรถพร้อมกับพูดว่า ลงมาฯ ขอตะบันหน้าหน่อย โจทก์สะบัดแขนหลุดและไม่ยอมลงจากรถ ดังนี้ เป็นการชวนให้ลงจากรถเพื่อมาวิวาทกับจำเลย เท่านั้น มิใช่การข่มขืนใจให้กระทำ หรือไม่กระทำการดังที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. ม. 309
ต่อมาจำเลยขับรถไล่ตามกลั่นแกล้งโจทก์ โดยขับรถปาดหน้าทำให้โจทก์ต้องหยุดรถอย่างกระทันหัน ดังนั้นแม้โจทก์ขณะขับรถอยู่ย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการขับรถไฟตามถนนสาธารณะตามสิทธิที่กฎหมายรับรองได้ จำเลยขับรถปาดหน้า โจทก์กลัวจะชนรถจำเลย โจทก์ก็ต้องหยุดรถดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขัง กระทำให้โจทก์ปราศจากเสรีภาพในร่างกายตาม ป.อ.ม.310 แต่มีความผิดตาม ม.309
รถยนต์คันที่จำเลยขับปาดหน้ารถโจทก์ มิใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง จึงริบไม่ได้