ผมเก็บได้ !!!! ช้ำหนักกระเป๋าเงินหาย เดือนต่อมาพัสดุส่งกลับมาคืน...ควรดีใจไหมแนบจดหมายน้อยทำน้ำตาไหล  (รายละเอียด)

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือว่าเสียใจดี...เรื่องราวนี้นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ชาวเน็ตต่างพูดถึงและส่งต่อกันเป็นจำนวนมาก เมื่อทางผู้ใช้เฟซบุ๊ก จิรัชยา สุนทรส ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวพร้อมกับข้อความว่า เอิ่ม!คือเราควรจะดีใจมั้ย?? กระเป๋าเงินที่เราทำหายไปเมื่อประมานเดือนกว่าๆ มาในวันนี้มีคนนำกระเป๋าใบนั้นของเราส่งไปรษณีย์คืนมาให้ ได้อ่านข้อความในจดหมายที่เค้าแนบมาให้แล้วน้ำตาแทบไหล เลย คุณช่างมีน้ำใจจริงๆ ยังดีนะที่เหลือเศษสตางค์ติดกระเป๋าไม่ขอเอาไปใช้หมดซะทีเดียว

 

 

ผมเก็บได้ !!!! ช้ำหนักกระเป๋าเงินหาย เดือนต่อมาพัสดุส่งกลับมาคืน...ควรดีใจไหมแนบจดหมายน้อยทำน้ำตาไหล  (รายละเอียด)

ซึ่งในพัสดุห่อดังกล่าวเป็นกระเป๋าเงินของเธอที่เคยทำหายไปเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้เธอดีใจที่ได้กระเป๋าเงินคืน แต่พอเปิดออกมาน้ำตาแทบไหลเมื่อผู้ที่ส่งกระเป๋าสตางค์คืนมาให้เธอนั้นได้แนบจดหมายมาพร้อมกับข้อความว่า ผมเก็บกระเป๋าได้เลยส่งคืนให้ เพราะคิดว่าน่าจะสำคัญ แต่เงินในกระเป๋าหมื่นกว่าผมขออนุญาตเอาไปใช้ครับ ถึงแม้ว่าเอกสารสำคัญของเธอจะได้คืนมาครบทั้งหมด แต่จริงๆ เธอก็อยากได้คืนทั้งเงินสด และเอกสาร 

 

 

ผมเก็บได้ !!!! ช้ำหนักกระเป๋าเงินหาย เดือนต่อมาพัสดุส่งกลับมาคืน...ควรดีใจไหมแนบจดหมายน้อยทำน้ำตาไหล  (รายละเอียด)

การปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เมื่อเก็บของตกหายได้ ผู้ที่เก็บของตกหายได้มีหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 1323 ต้องทำดังต่อไปนี้ คือ1.ส่งมอบของนั้นแก่เจ้าของ หรือผู้ที่มีสิทธิจะได้รับของนั้น , 2.แจ้งให้เจ้าของหรือผู้ที่มีสิทธิได้รับของนั้นโดยเร็ว  , 3.ส่งมอบของนั้นแก่เจ้าพนักงานตำรวจ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่น ภายใน 3 วัน และแจ้งถึงพฤติการณ์หรือเบาะแสที่ทราบเพื่อเป็นเครื่องช่วยในการตามหายตัวเจ้าของหรือผู้มีสิทธิได้รับของนั้น ถ้าไม่ทราบตัวเจ้าของหรือผู้ที่มีสิทธิได้รับของนั้นให้ทำตาม ข้อ 3. ได้กำหนดคือส่งมอบแก่เจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่น อีกทั้งผู้ที่เก็บของตกหายได้ต้องรักษาของนั้นไว้ด้วยความระมัดระวัง 1.1 สิทธิได้รับรางวัลจากเจ้าของหรือผู้ที่มีสิทธิได้รับของนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 1324 คือเรียกเอารางวัลจากผู้ที่เป็นเจ้าของหรือผู้ที่มีสิทธิได้รับของนั้น เป็นจำนวนร้อยละ 10 แห่งค่าของ จาก 30,000.-บาท (เช่น ของตกหายมีค่า 30,000 บาท ผู้เก็บได้จะได้รางวัล 3,000 บาท) ถ้าของตกหายมีราคาสูงกว่า 30,000.-บาท ให้คิดเอาอีกร้อยละ 5 ของ จำนวนเงินที่เกินจาก 30,000.-บาท (เช่น ของตกหายมีค่า 50,000 บาท ผู้เก็บได้จะได้รางวัลจาก 30,000 แรก คือ 3,000 บาท 20,000 บาท หลังจะได้ 1,000 บาท รวมจะได้รางวัลทั้งสิ้น 4,000 บาท) 
ถ้าผู้ที่เก็บของตกหายได้ นำของที่เก็บได้ส่งเจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่น ให้เจ้าของทรัพย์สินหรือผู้ที่มีสิทธิได้รับของนั้น เสียเงินเพิ่มต่างหากจากรางวัลที่จะต้องให้อีกร้อย 2 ครึ่ง แห่งค่าของของตกหาย เป็นค่าธรรมเนียม แต่ค่าธรรมเนียมนี้จำกัดไว้ไม่เกิน 1,000.-บาท ยกเว้นกรณีผู้ที่เก็บของตกหายได้ไม่ทำตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 

มาตรา 1323 ผู้นั้นไม่มีสิทธิรับรางวัลตามกฎหมาย เช่น เก็บได้แล้วไม่ส่งมอบของนั้นคืนเจ้าของ ไม่แจ้งเจ้าของ หรือส่งมอบแก่เจ้าพนักงานตำรวจ ย่อมไม่มีสิทธิได้รับรางวัล (อีกกรณีที่สำคัญคือ ถ้าไม่ใช่ของตกหายผู้เก็บได้ก็ย่อมไม่มีสิทธิได้รับรางวัลเช่นเดียวกันกล่าวคือเจ้าของไม่ได้ทำตก ไม่ได้ทำหาย แต่วางไว้แล้วยังไม่ได้มาเอาเพราะถูกกักตัวไว้เพื่อตรวจโรคก็ไม่สามารถรับรางวัลตามที่กฎหมายกำหนดได้ เว้นแต่จะให้รางวัลตามที่เจ้าของได้ให้มา )
1.2 สิทธิได้ของตกหายนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ผู้ที่เก็บของตกหายได้ต้องทำตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1323 (เป็นเจ้าของในของตกหาย) หากเจ้าของหรือผู้ที่มีสิทธิได้รับของนั้นไม่เรียกเอาของนั้นภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เก็บได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1325 วรรคแรก

 

 

ขอบคุณที่มา จิรัชยา สุนทรส