ใครป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องรู้!!! เผยตัวช่วยสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ใช้แค่สมุนไพรพื้นบ้าน เรื่องจริงจากงานวิจัยที่คุณไม่ควรมองข้าม!!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ใครป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องรู้!!! เผยตัวช่วยสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ใช้แค่สมุนไพรพื้นบ้าน เรื่องจริงจากงานวิจัยที่คุณไม่ควรมองข้าม!!!

 

ทุกคนอาจจะยังไม่รู้ว่าว่านหางจระเข้นั้นมีสรรพคุณมากมาย นอกจากช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีประสิทธิภาพในการรักษาแผล และบรรเทาอาการแสบร้อน เช่น แผลไฟไหม้ แผลน้ำร้อนลวกแล้ว ทราบหรือไม่ว่าว่านหางจระเข้ยังมีสรรพคุณด้านอื่นๆอีก

 

ใครป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องรู้!!! เผยตัวช่วยสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ใช้แค่สมุนไพรพื้นบ้าน เรื่องจริงจากงานวิจัยที่คุณไม่ควรมองข้าม!!!

 

"ว่านหางจระเข้" (Aloe Vera) เป็นไม้ล้มลุก ลักษณะเด่นคือมีลำต้นปล้องสั้น ใบหนายาวและใหญ่ สีเขียวอ่อน โดยลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้คือมีใบอวบน้ำ วุ้นของว่านหางจระเข้คือ “ยาง” ของใบอวบอ้วนของมันนั่นเอง นอกจากสรรพคุณเด่นๆ ที่เราคุ้นเคยคือ รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ลดรอยแผล เจ้าพืชสมุนไพรนี้ยังสามารถบรรเทาความหดหู่และความเศร้าได้ !

 

ใครป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องรู้!!! เผยตัวช่วยสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ใช้แค่สมุนไพรพื้นบ้าน เรื่องจริงจากงานวิจัยที่คุณไม่ควรมองข้าม!!!

 

ใครป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องรู้!!! เผยตัวช่วยสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ใช้แค่สมุนไพรพื้นบ้าน เรื่องจริงจากงานวิจัยที่คุณไม่ควรมองข้าม!!!

 

เนื่องจาก ว่านหางจระเข้นั้น มีกรดอะมิโนที่ชื่อว่าทริปโตแฟน (Tryptophan) อันเป็นสารตั้งต้นของเซเรโทนิน (Serotonin) ที่ช่วยป้องกันความเศร้าและความกังวล ซึ่งจะช่วยดีท็อกซ์สารพิษที่ตกค้างในร่างกายมาเป็นเวลานาน นักวิจัยได้ยืนยันว่าการขับสารพิษในร่างกายนี้จะส่งผลดีต่อสุขภาพจิต โดยมีการทดลองกับหนูให้หนูอยู่ในสภาวะสิ้นหวังจนเกิดอาการซึมเศร้า ผลวิจัยพบว่าหนูที่ได้รับว่านหางจระเข้เกิดภาวะซึมเศร้าน้อยกว่าหนูที่ไม่ได้รับ คงต้องรอดูต่อไปว่าในอนาคตจะมีการทดสอบที่น่าเชื่อถือว่า "ว่านหางจระเข้" สามารถใช้ลดภาวะซึมเศร้าในคนได้หรือไม่

 

ใครป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องรู้!!! เผยตัวช่วยสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ใช้แค่สมุนไพรพื้นบ้าน เรื่องจริงจากงานวิจัยที่คุณไม่ควรมองข้าม!!!

 

ใครป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องรู้!!! เผยตัวช่วยสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ใช้แค่สมุนไพรพื้นบ้าน เรื่องจริงจากงานวิจัยที่คุณไม่ควรมองข้าม!!!

 

ขอบคุณข้อมูลจาก pobpad