ระดมกำลังค้นหา !!!! เหยื่อทะเลคลั่งอัปปาง ล่าสุดยังสูญหาย 23 คน  ...เรือทุกลำงดออกจากฝั่ง

ระดมกำลังค้นหา !!!! เหยื่อทะเลคลั่งอัปปาง ล่าสุดยังสูญหาย 23 คน ...เรือทุกลำงดออกจากฝั่ง

สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ออกประกาศห้ามเรือออกจากฝั่งในวันที่ 7 กรกฏาคม 2561 นายสุรัฐ ศิริไสยาสน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต เปิดเผยว่า ตามที่มีเหตุการณ์เรือฟีนิกส์หมายเลขทะเบียน 60002210 เกิดอุบัติเหตุล้มบริเวณทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเฮเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 33 คน และมีผู้สูญหายจำนวน 23 คน จึงจำเป็นต้องดำเนินการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าวโดยเร่งด่วน

สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต จึงออกประกาศที่ 19 / 2561เรื่อง ห้ามเรือออกจากฝั่ง โดยขอให้เรือทุกลำงดออกจากท่าเทียบเรืออ่าวฉลองโดยเด็ดขาดในวันที่ 7 กรกฎาคม 2561 เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศูนย์บัญชาการเหตุช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่มจังหวัดภูเก็ต

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เรือล่มกลางทะเลภูเก็ตอย่างสุดซึ้ง โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอย่างดีที่สุด ทั้งการอำนวยความสะดวกแก่ญาติและจัดการเรื่องศพให้เรียบร้อย พร้อมทั้งได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแสดงความเสียใจไปยังประเทศบ้านเกิดของผู้เสียชีวิตด้วยแล้ว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้ดูแลผู้บาดเจ็บทุกราย และระดมสรรพกำลังความร่วมมือทั้งด้านบุคลากรและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อค้นหาผู้สูญหายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยย้ำว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะเกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศ จึงขอให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบสาเหตุของอุบัติเหตุว่าเกิดจากอะไร และใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบบ้าง
 

สำหรับแนวทางการปฏิบัตินับจากนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้จังหวัดภูเก็ตจัดตั้งศูนย์อำนวยการประสานงานค้นหาผู้สูญหายและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร โดยขอให้แบ่งสัดส่วนพื้นที่การทำงานของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือสื่อมวลชนให้ชัดเจน และจัดให้มีการแถลงข่าวเป็นวงรอบโดยให้ ผวจ.ภูเก็ต เป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารมีความเป็นเอกภาพ เช่น ตัวเลขผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ หรือสูญหาย และการช่วยเหลือของภาครัฐ และบริษัทนำเที่ยว เป็นต้น

"นายกฯ ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนทุกแขนง ไม่นำเสนอภาพผู้เสียชีวิต เพื่อให้เป็นไปตามหลักสากลและสิทธิมนุษยชน รวมทั้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและหน่วยกู้ภัยที่เข้าปฏิบัติงาน งดเว้นการถ่ายรูปผู้เสียชีวิตด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือแล้วส่งให้คนรู้จัก เพราะท้ายที่สุดภาพดังกล่าวอาจหลุดรอดเผยแพร่ออกไป โดยไม่ทันระวัง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย"