- 09 ก.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์เรือล่มที่กลางทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต เมื่อเย็นวันที่ 5 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา จำนวน 3 เหตุการณ์ ได้แก่ เรือท่องเที่ยวฟีนิกซ์ มีผู้ประสบเหตุจำนวน 105 คน เรือท่องเที่ยวเซเรนาต้า มีผู้ประสบเหตุจำนวน 42 คน และเจ็ตสกีของนักท่องเที่ยว มีผู้ประสบเหตุ 2 คน ซึ่งพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(รอง ผบช.ทท.) ได้เปิดเผยในเบื้องต้น ว่า จากการตรวจสอบเรือทั้ง 3 ลำ ประกอบด้วย เรือฟินิกซ์ ทีจีไดวิ่ง ที่ล่มตรงเกาะเฮ , เรือซีเรนาต้า ที่ล่มตรงเกาะไม้ท่อน-เกาะเฮ และเรือเจ็ตสกี ที่ล่มตรงเกาะราชา พบว่าเป็นเรือที่ไม่ได้มาตรฐาน โดย 1 ใน 3 ลำ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนต่างชาติที่ประกอบกิจการทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่ถูกจับกุมยึดทรัพย์ไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุดพล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ออกมายืนยันว่า ตอนนี้ตนมีข้อมูลบริษัทเรือที่มีนอมินีจากต่างชาติเป็นเจ้าของที่แท้จริงจำนวน 7-8 ราย ซึ่งบริษัทเหล่านี้ทางคนจีนได้ว่าจ้างคนไทยให้เป็นเจ้าของแทน ตนจะทำการปราบปรามให้หมดเพราะถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ บริษัทเหล่านี้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งเรื่องการเลี่ยงภาษี กฎหมายฟอกเงินเพื่อทำการยึดทรัพย์ ในอาทิตย์หน้าจะดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้น ทั้งนี้การกระทำของบริษัทเรือเหล่านี้
ส่งผลต่อนักม่องเที่ยวเพราะไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร เรือก็ต้องออกทะเล ไม่มีผู้ชำนาญด้านเรือในบริษัทเลย ซึ่งเรามีหลักฐานว่า มีคนไทยบางคนที่เคยเป็นลูกจ้าง รับเงินเดือนหลักหมื่นบาท แต่พอเดือนที่ผ่านมากลับมีเงินจำนวนหลักร้อยล้านพันล้านมาจดทะเบียนเป็นเจ้าของบริษัทเรือยอร์ช ซึ่งบ่งชี้ได้ว่า เป็นนอมีนีของกลุ่มมิจฉาชีพชัดเจน
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวเจ้าของบริษัทเลซี่แคท อยู่ที่ห้องกักตัวของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ภูเก็ตเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งทำการเพิกถอนวีซ่าในข้อหาร่วมกันโดยประมาท ซึ่งไม่ได้แจ้งข้อหาแค่กัปตันที่ทำหน้าที่ขับเรือเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่า บริษัทที่ประสบเหตุครั้งนี้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัททรานลี่ ซึ่งเคยถูกดำเนินคดีไปแล้ว รวมถึงการต่อเรือที่ใช้นำเที่ยวว่าถูกต้องหรือไม่
จากการตรวจสอบพบว่า มีบริษัทที่เป็นนอมีนีจำนวน 11-12 แห่งในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งจังหวัดพังงา ภูเก็ต โดยมีข้อมูลยืนยันจากผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตได้ส่งเข้ามาให้กับทางเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมด้วย ซึ่งในวันที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นไม่มีผู้ประกอบการคนไทยรายใดออกเรือ แต่บริษัทนอมีนีกลับมีการออกเรือ เนื่องจากมีการสั่งการจากต่างประเทศ ส่วนตรวจสอบด้านเส้นทางการเงินของบริษัทเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบทุกขั้นตอน ทั้งการตรวจสอบภาษี ที่มาของเงินทุนบริษัท รวมถึงการยืนยันตัวของเจ้าของบริษัท ซึ่งตำรวจจะทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กรมเจ้าท่า ในการตรวจสอบด้านภาษีย้อนหลังอย่างละเอียด
นอกจากนี้ ตนจะเดินทางไปที่ภูเก็ตเพื่อเร่งพูดคุยกับกรมเจ้าท่า กรมสรรพากร ในการดำเนินคดีต่อไป โดยจะใช้ยาแรงจัดการทุกรูปแบบ ใช้วิธีการตรวจสอบภาษีของบริษัทเป้าหมายร่วมกับ ปปง. ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบจากการเสียภาษีในแต่ละปีของบริษัทว่ามีจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงจะมีการตรวจสอบด้วยว่า หากมีเจ้าหน้าที่รัฐรายใดเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการเอาผิดเต็มที่ ขณะที่ทางการประเทศจีนได้ขอบคุณประเทศไทยในการช่วยเหลือทุกอย่าง พร้อมกำชับให้ไทยช่วยปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งตอนขอเวลาอีก 2 อาทิตย์ คาดว่าจะจัดการบริษัทเรือที่มีนอมินีเหล่านี้ได้หมดสิ้น
สำหรับบริษัททรานลี่ หลังจากที่ได้มีการดำเนินคดีไปแล้ว ศาลมีคำสั่งให้ยึดเงินไปจำนวน 200 กว่าล้านแล้ว รวมถึงเรือ 35 ลำ โรงแรมบนเกาะ 1 หลัง รถยนต์ 117 คัน โดยบริษัททรานลี่มีบริษัทในเครือข่าย 15 บริษัท ซึ่งไม่รวมกับ 2 บริษัทที่เกิดเหตุขึ้นใหม่
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : สุรเชษฐ์ หักพาล