ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

“สัญญาณเตือนที่คอนโซลหน้ารถ” เราควรที่จะทำความเข้าใจเอาไว้ ว่าสีของสัญญาณ และสัญลักษณ์ต่างๆ บอกอะไรแก่เราบ้าง

เวลาที่เราเสียบกุญแจแล้วบิดสวิตช์ไปตำแหน่งเปิดเราจะเห็นสัญญาณไฟเตือนต่างๆ ที่ขึ้นมาที่หน้าปัดรถยนต์ หรือที่เราเรียกว่า “สัญญาณเตือนที่คอนโซลหน้ารถ” เราควรที่จะทำความเข้าใจเอาไว้ว่าสีของสัญญาณต่างๆ บอกอะไรแก่เราบ้าง แบบไหนที่เรียกว่าอาการหนัก แบบไหนที่เรายังสามารถขับต่อไปได้อย่างไม่เป็นอันตราย และแบบไหนที่บอกสถานะว่ากำลังใช้งานอยู่ เรามาทำความรู้จักเถอะ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ยวดยานพาหนะกัน

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

 

สัญญาณเตือนไฟสีแดง หมายถึง ให้ตรวจสอบโดยทันทีหรือหยุดใช้งานเพื่อความปลอดภัย
สัญญาณเตือนไฟสีเหลือง หมายถึง การเตือนให้ตรวจสอบแต่ยังใช้งานได้ 
สัญญาณเตือนสีเขียว/สีน้ำเงิน หมายถึง กำลังใช้งานอยู่ 

 

สัญญาณเตือนไฟสีแดง เช่น

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

 

สัญญาณเตือนไฟสีเหลือง เช่น

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

 

สัญญาณเตือนไฟสีเขียว/สีน้ำเงิน เช่น

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

 

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

1. อุณหภูมิเครื่องยนต์

มาตรวัดตัวนี้จะเป็นตัวบอกความร้อนในตัวเครื่องยนต์ โดยมีทั้งแบบเข็มและแบบดิจิตอล แสดงระหว่างตัว C (Cool) และตัว H (Heat) โดยบางรุ่นเมื่ออุณหภูมิปกติ จะอยู่ตรงกลางระหว่าง C และ H แต่ในบางรุ่นจะอยู่ต่ำกว่าครึ่งมานิดหน่อย ซึ่งถ้าเข็มนี้ขึ้นเกินครึ่งมาเมื่อไหร่ แสดงว่าระบบระบายความร้อนในเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหา ต้องตรวจสอบหม้อน้ำหรือพัดลมระบายอากาศ เพราะถ้าปล่อยให้เครื่อง Over Heat จนเครื่องยนต์ดับ คราวนี้ต้องซ่อมกันขนานใหญ่แน่นอน

แต่สำหรับบางรุ่นอาจจะไม่มีมาตรวัดตัวนี้ แต่จะมีสัญลักษณ์แสดงขึ้นมาเมื่อมีความผิดปกติของความร้อนเลย ถ้าแสดงขึ้นมาเมื่อไหร่ ให้รีบหาที่จอดแล้วดับเครื่อง จากนั้นให้ตรวจสอบปัญหาทันที

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

2. ระดับน้ำมัน

แน่นอนว่า ถ้าเราไม่รู้ว่ารถเราเหลือน้ำมันอยู่เท่าไหร่ ก็จะต้องขับไปพะวงไปแน่ๆว่าน้ำมันจะหมดกลางทางมั้ย ซี่งการแสดงผลก็มีทั้งแบบเข็มและแบบดิจิตอลเช่นกัน โดยในบางรุ่นสามารถบอกได้ถึงขนาด น้ำมันในถัง จะเหลือให้วิ่งได้อีกไกลแค่ไหน ซึ่งในทุกรุ่น จะมีสัญลักษณ์เป็นตู้จ่ายน้ำมัน พร้อมลูกศรเล็กๆที่อยู่ข้างๆ โดยลูกศรนี้จะเป็นตัวชี้ว่า รถของเราฝาถังน้ำมันอยู่ข้างไหน

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

3. เตือนระดับน้ำมันต่ำ

สัญลักษณ์นี้จะแสดงเป็นรูปตู้จ่ายน้ำมันสีแดงหรือส้มแล้วแต่รุ่น ซึ่งเมื่อแสดงมาเมื่อไหร่ แสดงว่าน้ำมันในถังอยู่ในระดับต่ำแล้ว ให้เติมน้ำมันก่อนที่น้ำมันจะหมด โดยส่วนใหญ่ที่พบ น้ำมันจะเหลืออยู่ในถังอีกประมาณ 10-15% ของความจุถังถึงจะเริ่มแสดงขึ้นมา โดยจะวิ่งต่อได้อีกประมาณ 40-100 กิโลเมตร ขึ้นอยู่ว่าเป็นรถรุ่นไหน

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

4. วัดระยะทาง

ตัวเลขวัดระยะทาง จะบอกถึงความไกลของรถเราว่าวิ่งมาได้ขนาดไหนแล้ว โดยส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะเป็นตัวเลขดิจิตอล 3 ชุดคือ Trip A, Trip B และระยะทางรวม ODO (ในบางรุ่นอาจแตกต่างจากนี้) ซึ่งใน Trip A และ B เราสามารถที่จะ Reset หรือตั้งค่าให้กลับมาเป็น 0 เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ระยะทางรวม ODO นั้น เป็นระยะทางการใช้งานรวมของรถคันนั้น จะไม่สามารถตั้งระยะใหม่ได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าช่างที่มีอุปกรณ์และความชำนาญ ก็จะแก้ไขเลขตัวนี้ได้ไม่ยาก

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

5. ไฟหน้า

อุปกรณ์สำคัญที่รถทุกคันต้องมี โดยส่วนใหญ่แล้ว สัญลักษณ์เมื่อเปิดไฟหน้า ตัวดวงไฟจะแสดงเป็นสีเขียวหรือสีส้มอำพัน แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น แต่ถ้ามีดวงไฟสีน้ำเงินหรือฟ้าขึ้นมา แสดงว่าตอนนั้นมีการเปิดไฟสูงไว้ ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้งานก็ให้รีบปรับมาเป็นไฟปกติดีกว่า

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

6. ประตู

ถ้ามีรูปรถยนต์ที่เปิดประตูค้างไว้แบบนี้เปิดขึ้นมา แสดงว่าต้องมีประตูใดประตูหนึ่งยังไม่ปิด หรือปิดแล้วยังปิดไม่สนิท ให้ตรวจสอบแล้วปิดใหม่อีกครั้ง

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

7. เบรก

สัญลักษณ์เบรกนี้ ส่วนใหญ่จะขึ้นใน 2 กรณีคือ เมื่อมีการดึงเบรกมือ หรือลดเบรกมือยังไม่สุด สัญลักษณ์นี้ก็จะติดขึ้นมา แต่ถ้าลดเบรกมือแล้วยังไม่ดับ คงต้องตรวจสอบระบบเบรก ซึ่งอย่างแรกที่ต้องดูคือระดับน้ำมันเบรก เพราะส่วนใหญ่แล้วสัญลักษณ์จะแจ้งเมื่อน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติครับ แต่สำหรับบางรุ่นจะแยกกันระหว่างระบบเบรกกับเบรกมือไว้แยกจากกัน โดยระบบเบรกจะเป็นเครื่องหมายตกใจ ส่วนเบรกมือ จะเป็นตัว P ให้ลองอ่านที่คู่มือประจำรถดูก่อน

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

8. แบตเตอรี่

หลายคนยังเข้าใจผิดว่า เมื่อมีอาการแบตเตอรี่เสื่อม ตัวสัญลักษณ์นี้จะแดงขึ้นมา จริงๆแล้วสัญลักษณ์นี้จะแสดงขึ้นมา เมื่อการทำงานของไดร์ชาร์จมีความผิดปกติ ไม่จ่ายไฟเข้าไปเก็บที่แบตเตอรี่หรือไม่มีการจ่ายไฟเข้าใช้งานในระบบรถยนต์ เมื่อไฟแบตเตอรี่แสดง ก็เตรียมตัวซ่อมไดร์ชาร์จได้เลย

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

9. หัวเผา

ในรถยนต์ดีเซล จะมีสัญลักษณ์เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นรูปเหมือนขดลวด ตัวนี้จะแสดงถึงการทำงานของหัวเผา ที่ทำความร้อนก่อนการสตาร์ทเครื่อง เพื่อให้การจุดระเบิดในห้องเครื่องเกิดขึ้นได้ง่าย โดยทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องดีเซล เราควรรอให้สัญลักษณ์นี้ดับไปก่อน ถึงค่อยบิดกุญแจ จะทำให้รถสตาร์ทติดง่าย

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

10. เข็มขัดนิรภัย

สัญลักษณ์นี้ จะกระพริบเมื่อไม่มีการคาดเข็มขัดนิรภัยของที่นั่งฝั่งคนขับหลังสตาร์ทรถ โดยรุ่นใหม่ๆจะมีเสียงเพื่อสร้างความรำคาญใจด้วย  และในบางรุ่นเมื่อมีการนั่งในฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับ ก็จะมีการแสดงเตือนด้วยเช่นกัน แต่สัญลักษณ์นี้จะดับไป เมื่อมีการคาดเข็มขัดเรียบร้อย

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

11. ถุงลมนิรภัย

ในรถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ จะมีอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยอย่างถุงลมนิรภัย หรือ Airbag กันหมดแล้วครับ โดยถ้าสัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นมาค้างหลังจากสตาร์ทเครื่องแล้ว ก็ต้องเอารถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบการทำงานได้เลยครับ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัยอาจจะไม่ทำงานได้

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

12. ABS

เช่นเดียวกันกับสัญลักษณ์ถุงลมนิรภัย  ถ้าในรถคันนั้นมีระบบเบรก ABS  แล้วระบบตรวจพบการทำงานที่ผิดปกติ สัญลักษณ์นี้ก็จะแสดงขึ้นมา ให้นำรถเข้าตรวจสอบกับศูนย์บริการหรืออู่ทันทีครับ แต่ระบบเบรกยังสามารถใช้งานได้ปกติอยู่ เพียงแต่เมื่อมีการเบรกกะทันหัน ระบบ ABS อาจจะไม่ทำงานเท่านั้นเอง

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

13. น้ำมันเครื่อง

สัญลักษณ์รูปกรวยน้ำมันนี้ จะแสดงขึ้นมาเมื่อระดับน้ำมันเครื่องต่ำมาก ให้รีบตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องแล้วเติมให้อยู่ในระดับปกติทันทีครับ แต่ก็มีโอกาสเป็นอาการอื่นได้อีกเช่น ถ้าเช็คแล้วน้ำมันเครื่องไม่ขาด แต่สัญลักษณ์แสดงขึ้นมา ถ้าแบบนี้ก็เป็นไปได้ว่า ตัวปั๊มน้ำมันเครื่องอาจมีปัญหา ไม่มีแรงดันน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงตามจุดต่างๆ ก็อาจทำให้มีการแจ้งเตือนได้เช่นกัน

 

ระวัง สำคัญมาก ไฟเตือนบนหน้าปัด อันตรายอย่ามองข้าม ผู้ใช้รถต้องรู้

14. เครื่องยนต์

ถ้าไฟรูปเครื่องโชว์ขึ้นมาแล้วไม่ดับเมื่อไหร่ แสดงว่าการทำงานของเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาแล้วครับ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ครอบจักรวาลของเครื่องยนต์มากๆ เพราะตัวนี้ตัวเดียว อาจแจ้งความผิดปกติหลายอย่าง เช่น ค่าอ็อกซิเจนผิดปกติ, สายพานเกินระยะกำหนด, ตัว ECU มีปัญหา ฯลฯ ซึ่งถ้าไฟรูปเครื่องติด ต้องทำการตรวจสอบด้วยเครื่องของทางศูนย์บริการหรืออู่ โดยเสียบอุปกรณ์กับช่อง OBD (On-Board Diagnostics) จะมีค่า Error แจ้งมา ก็จะรู้ได้ว่าเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติตรงไหนได้ครับ ซึ่งรถส่วนใหญ่จะยังทำงานได้ปกติ แต่ในบางรุ่น (โดยเฉพาะรถทางฝั่งยุโรป) จะล็อกความเร็วไว้ให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. เพื่อให้ผู้ใช้งานนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันที และป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายไปมากกว่าเดิม

15. สัญลักษณ์รูปตู้จ่ายน้ำมันแต่มีจุดอยู่ด้านล่าง 

บ่งบอกว่ากรองน้ำมัน มีปัญหา อาจเป็นเพราะกรองน้ำมันตัน หรือ มีน้ำผสมอยู่ในน้ำมันมาก

สัญลักษณ์ไฟเตือนนี้ เป็นไฟเตือนเบื้องต้นที่รถยนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีอยู่ครับ แต่สำหรับบางรุ่น อาจจะมีแตกต่างกันไปบ้าง เช่น ไฟตัดหมอก, สถานะ Cruise Control, ECO Mode เป็นต้น ดังนั้นการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นด้วยการอ่านคู่มือประจำรถ ก็จะทำให้เราสามารถตรวจสอบได้เบื้องต้น ไม่ต้องเสียเวลาไปศูนย์บริการหรืออู่ทุกครั้งที่มีการแจ้งเตือนนะ

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : autodeft , frank