ครม.เห็นชอบมาตรการช็อปช่วยชาติ ดีเดย์15ธ.ค.61-16ม.ค.62

แม้ก่อนหน้านี้รัฐจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการออกโครงการเอาใจชาวบ้านหวังผลการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลก็ยังคงเดินหน้าออกโครงการลด แลก แจก แถม ไม่หยุด ก็คือนโยบายของโครงการช็อปช่วยชาตินั่นเอง โครงการนี้ปีนี้เป็นมาตรการช็อปช่วยชาติรูปแบบใหม่ที่จะต่างจากปีที่แล้ว คือจำกัดประเภทสินค้า โดยเฉพาะคนเปลี่ยนยางรถยนต์ ซื้อหนังสือและสินค้าโอท็อป 
 

(ช็อปช่วยชาติมาแล้ว)

 

ล่าสุด นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยว่า "ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการลดภาษีเพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยปีนี้จะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นผลผลิตทางการเกษตรที่มีราคาตกต่ำ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านการเรียนรู้ทางหนังสือและการส่งเสริมการกระจายรายเข้าได้สู่ชุมชน"

"โดยมาตรการนี้กำหนดให้ผู้มีรายได้บุคคลธรรมดาสามารถนำเงินไปซื้อสินค้าได้ในช่วงตั้งแต่วันที่15 ธ.ค.61-16 ม.ค.62 เพื่อสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท โดยมาตรการดังกล่าวจะคร่อมปี ดังนั้นใช้จ่ายในช่วงปีใดก็จะสามารถนำไปหักลดหย่อนได้ในปีนั้นหรือหากซื้อทั้ง2ปีก็จะสามารถหักได้ทั้ง 2 ปีแต่รวมกันต้องไม่เกินไม่เกิน 15,000 บาท" 

 

(มาแล้ว)

ผู้ใช้สิทธิดังกล่าวสามารถซื้อสินค้าได้ 3 ประเภทคือ 

1. สินค้าโอท็อปที่ลงทะเบียนไว้กับกรมการพัฒนาชุมชน โดยผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานการซื้อสินค้าเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปและต้องระบุว่าเป็นการซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์

 

(สินค้าโอท็อป)

 

2. หนังสือหรือ e-Book ไม่รวมถึงนิตยสารและหนังสือพิมพ์ โดยจะต้องซื้อจากผู้ประกอบการที่ได้รับจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และต้องซื้อจากผู้ประกอบการที่ได้รับจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเท่านั้น และจะต้องออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปด้วยเช่นกัน

 

(หนังสือ)

3. ยางล้อรถยนต์ ล้อรถจักรยานยนต์และรถจักรยาน โดยจะต้องซื้อจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายซึ่งซื้อวัตถุดิบจากการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายที่ซื้อวัตถุดิบจากการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) โดยผู้มีเงินได้จะต้องมีหลักการซื้อสินค้าเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป และหลักฐานที่เป็นคูปองจาก กยท.  ซึ่งกยท. จะไปดำเนินการแจกคูปองให้กับร้านค้าเอง โดยโครงการจะเริ่มในวันที่15 ธ.ค. ส่วนค่าเปลี่ยนล้อรถ ค่าถ่วงยางนั้นจะเป็นส่วนนอก ที่จะไม่รวมอยู่ใน15,000บาท

 

(ยางรถยนต์)