- 04 ธ.ค. 2561
"หนุ่มใต้"พลเมืองดีช่วยเด็กรอดถูกตาแท้ๆขืนใจ ได้งานใหม่ที่สภ.หาดใหญ่ หลังถูกเถ้าแก่น้ำดื่มไล่ออก
จากกรณีที่คุณตาวัย 62 ปี เกิดอาการเมาเหล้าแล้วล่อลวงหลานสาวแท้ๆ อายุ 15 ปี ไปพยายามข่มขืนในป่าละเมาะ ในพื้นที่ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่โชคดีที่เด็กยังไม่ได้ถูกตาแท้ๆ ของตนเองขืนใจนั้น เนื่องจากเด็กได้ร้องเสียงดัง และมีพลเมืองดีผ่านมาช่วยเหลือไว้ได้นั้น
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ ได้ทำการสอบปากคำชายวัย 62 ปี แต่เจ้าตัวยังปฎิเสธว่าไม่ได้ลงมือข่มขืน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีใน 3 ข้อหา คือ พาบุคคลอื่นไปกระทำการอนาจาร,กระทำอนาจารบุคคลอายุเกินกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน18 ปี,และความผิดตาม พรบ.ความรุนแรงและครอบครัว
ต่อมาทางด้านนายทิพกร ทองขาว อายุ 30 ปี พนักงานส่งน้ำของโรงงานผลิตน้ำดื่มแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นพลเมืองดีที่เข้าไปช่วยเหลือเด็กวัย 15 ปีได้ทันนั้น ได้เดินทางไปที่สภ.หาดใหญ่ เพื่อปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังต้องเป็นพยานจนถูกนายจ้างไล่ออกจากงาน เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา และตอนนี้ต้องเดือดร้อนเพราะไม่มีที่ไปและไม่มีที่พัก เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็อาศัยอยู่ที่บ้านของเถ้าแก่ หลังจากที่มาทำงานส่งน้ำได้ 2 เดือนแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หนุ่มใต้ช่วยด.ญ.รอดถูกตาแท้ๆขืนใจ โดนนายจ้างไล่ออก บอกทำเสียเวลางาน
ทั้งนี้ทางเถ้าแก่เจ้าของโรงงานผลิตน้ำที่นายทิพกร ทองขาว ทำงานอยู่นั้น ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว หลังจากถูกสังคมและกระแสโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้ไล่นายทิพกรออกเนื่องจากไปเป็นพยานในคดีดังกล่าวและทำให้เสียงานว่า ขณะนี้ยังไม่พร้อมจะเปิดเผยตัวเพราะกลายเป็นจำเลยของสังคมไปแล้ว ยืนยันว่า สาเหตุที่ให้นายทิพกร ออกจากงาน ไม่ได้มาจากการไปเป็นพยานในคดีนี้ จนทำให้เสียการเสียงานส่งน้ำไม่ทัน ซึ่งตนและภรรยายังชื่นชมนายทิพกร ด้วยซ้ำที่เป็นคนดี ช่วยเหลือเด็กให้รอดจากการถูกตาแท้ๆ ขืนใจ
ส่วนสาเหตุที่แท้จริง มาจากเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา นายทิพกร ได้ขอรถคันใหม่ไปส่งน้ำให้ลูกค้าที่ค้างอยู่อีก 50 ถัง เพราะส่งให้ไม่ทันในวันเกิดเหตุ โดยอ้างว่ารถคันเก่าที่ขับส่งน้ำเป็นประจำกระจกแตกขับไม่ได้ ซึ่งตนก็ให้อนุญาตไป และก่อนไปส่งน้ำก็ได้เข้าไปให้ปากคำกับตำรวจที่สภ.หาดใหญ่ เสร็จประมาณบ่าย 2 โมง และไปส่งน้ำต่อ ซึ่งเวลาที่ใช้ในการส่งน้ำจริงๆ ราว 1 ชั่วโมงก็เสร็จ แต่นายทิพกร นำรถกลับมาส่งที่โรงน้ำตอน 4 ทุ่ม ภรรยาของผมจึงโมโหมาก เพราะในวันนั้นจำเป็นต้องใช้รถไปย้ายหอให้กับลูกสาวและเพื่อนที่อ.เมืองสงขลา ในช่วงเย็น จึงทำอะไรไม่ได้เลยเพราะไม่มีรถ จึงให้นายทิพกร ออกจากงาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เถ้าแก่น้ำดื่มโอดตกเป็นจำเลยสังคม ใจดำไล่"หนุ่มใต้" พลเมืองดีออกจากงาน ความจริงโมโหเอารถไปบ้านญาติ
ล่าสุดมีรายงานเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว โดยนายทิพกร ได้เดินทางมายัง สภ.หาดใหญ่ พร้อมกับนางวันดี ทองขาว อายุ 50 ปี มารดา และ น.ส.ชญานุตน์ ทองขาว น้องสาว โดยเข้าพบกับพ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.หาดใหญ่ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดี
ทั้งนี้พ.ต.อ.กิตติชัย ผกก.สภ.หาดใหญ่ ได้เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับ นายทิพกร ทราบว่า สาเหตุที่ถูกไล่ออกจากงานไม่เกี่ยวกับเรื่องที่การมาเป็นพยานในคดีข่มขืนเด็กหญิง แต่มีปัญหากับนายจ้างมาก่อนแล้ว ในเรื่องงานแต่ในส่วนของตำรวจไม่ขอพูดถึงรายละเอียดของประเด็นนี้ เพราะเป็นเรื่องระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ส่วนการช่วยเหลือเรื่องงานทำนั้น ได้เสนอให้มาช่วยงานที่สภ.หาดใหญ่ ซึ่งจะมีทั้งค่าตอบแทนและที่พัก รวมทั้งจะเสนอเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อมอบเกียรติบัตรยกย่องในความกล้าหาญที่เข้าไปช่วยเหลือเด็กที่กำลังจะถูกข่มขืน
ขณะที่นายทิพกร กล่าวว่า พอใจกับงานใหม่ที่จะมาช่วยงานที่สภ.หาดใหญ่ แต่จะขอเวลากลับไปพักกับครอบครัวที่ จ.นครศรีธรรมราช อีกสักสัปดาห์ก็จะกลับมาทำงาน และจะตั้งใจทำความดีต่อไป ส่วนความฝันคือจะทำงานเก็บเงินซื้อรถกระบะสักคันเพื่อส่งน้ำ และหารายได้เลี้ยงแม่และส่งเสียน้องสาวและน้องชายอีก 2 คนที่บ้านให้เรียนจนถึงระดับปริญญาตรี ซึ่งตนเองนั้นไม่ติดใจที่นายจ้างจะไล่ออก จากนี้ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ยอมรับว่าตนเองนำรถไปใช้ส่วนตัวจริง โดยไม่ได้บอกเถ้าแก่ เนื่องจากผมไม่มีโทรศัพท์ใช้
โดยสาเหตุที่ขับรถไปบ้านญาติ ต้องการไปบอกญาติเท่านั้นว่าได้ช่วยเหลือเหยื่อให้รอดจากการถูกข่มขืน นอกจากนี้นางวันดี ทองขาว มารดาของนายทิพกร กล่าวว่า ภูมิใจที่ลูกชายทำความดี และได้รับการยกย่องจากสังคมรวมทั้งความช่วยเหลือในเรื่องงาน และดีใจที่ช่วยเหลือเด็กให้รอดจากการถูกข่มขืน