สาวปล่อยโฮเจ้าตูบโดนตีบาดเจ็บ ต้องผ่าตัดกลายเป็นหมาตาบอด

กลายเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจที่บีบคั้นความรู้สึกของคนที่รักหมา และเอ็นดูสัตว์เลี้ยงสี่ขาทั้งหลาย เมื่อแม่หมาตัวหนึ่งถูกคนตีจนได้รับบาดเจ็บ อาการค่อนข้างหนัก
 

ทำให้เจ้าของที่เลี้ยงดูมันมา ถึงกับทำใจไม่ได้ เสียใจที่ช่วยเหลือหมาไม่ได้ พร้อมทั้งได้โพสต์เฟซบุ๊กเล่าเหตุการณ์อย่างละเอียด ว่าเห็นหมาเจ็บ แล้วอยากถามคนทำ ว่าทำไมถึงทำแบบนี้ 

 

เจ้าของหมาแม่ลูกอ่อน 

 

โดยในเฟซบุ๊ก เหมย เหมย  ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "ต้องร้องไห้อีกกี่วัน กี่ปีถึงลบภาพแบบนี้ออกจากใจได้ หมาไปทำอะไรให้ใคร หมามันรู้ความหรอ ลูกมันยังน้อยๆ อยู่นะ ทำไมต้องตีมันถึงขนาดนี้ด้วย คนมีสัตว์เลี้ยงจะเข้าใจ" ซึ่งในภาพเจ้าหมาแม่ลูกอ่อนตัวนี้ โดนคนใจร้าย ที่ยังสืบหาตัวไม่ได้ตี จนลูกตาทะลักออกมา ต้องรักษาเป็นการด่วน 

 

 

ต่อมาเจ้าของได้โพสต์ข้อความบอกอีกว่า ขอร้องไห้เป็นครั้งสุดท้าย ร้องให้จวนจะเป็นลมต่อแต่ไปจะไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอีกแล้ว ใครจะเลี้ยงลูกมันมาเอาได้เลยนะ นับแต่นี้ไปไม่ว่าจะสัตว์ชนิดไดก็จะพยายามไม่เลี้ยง ตราบใดที่ยังอยู่บ้านนอก

 

 

และยังได้ความช่วยเหลือจากบรรดาคนรักสัตว์ด้วยว่า "#งดดราม่านะคะ #เป็นผู้หญิงที่สู้ชีวิตคนเดียว ไหนจะลูกป่วยไหนจะหลาน ยังจะมีคนใจร้ายมาทำรายสัตว์เลี้ยงตลอด  คราวนี้ก็ตีน้องหมาจนต้องเสียตาไปทั้งสองข้าง #ขอเพื่อนที่อยากจะระดมทุนช่วยน้องหมาจริงๆติดต่อเข้ามาได้นะคะ เนื่องจากแถวบ้านไม่มี รพ.สัตว์เลี้ยง เลยต้องพาข้ามฝั่งมาเชียงราย ขอบคุณมากคนที่พาน้องหมาของเหมยไปส่ง รพ. #ย้ำงดดราม่าค่ะร้องไห้มาทั้งวันแล้วขอบคุณค่ะ"

ล่าสุดเจ้าของเฟซบุ๊กคนดังกล่าวได้อัพเดทอาการหมาแม่ลูกอ่อนบอกว่า น้องหมาปีโป้ ออกจากห้องผ่าตัดแล้วค่ะ ขอบคุณทุกๆความช่วยเหลือ ขอบคุณทุกๆความเป็นห่วง #ตอนนี้หมอผ่าตัดเอาลูกตาออกทั้งสองข้างแล้วรู้สึกตัวเล็กน้อยแล้วค่ะ ถึงจะไม่มีตาเหมือนเดิมแต่ก็มีลูกๆ รออยู่  ขอบคุณทุกแชร์ขอบคุณทุกคน

 

 

 

 

ภาพหมาแม่ลูกอ่อน ตอนที่ยังไม่ถูกตี 

 

เพิ่งคลอดลูกน้อยน่ารัก วัยกำลังซน 

 

 

 

ทำให้มีชาวโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า ทำไมคนถึงใจร้ายทำกับเจ้าหมาได้แบบนี้ มันมีลูกต้องเลี้ยงดู ตามประสาของมัน จนตอนนี้ต้องกลายเป็นมาตาบอด บางคนก็คอมเม้นต์ด้วยว่า ขอให้เจอตัวคนที่ทำร้ายแม่หมาไวๆ สามารถเอาผิดเรื่องทารุณสัตว์ได้ 

 

ลูกๆ จะรู้มั้ย ว่าแม่หมาตาบอดแล้ว 

 

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : เหมย เหมย