ประสบการณ์สุดรันทด"หนุ่มพิการ"จำเป็นต้องใช้บริการรถตู้กลับบ้าน ร้อนถึงโซเชียลคนขับจึงได้สำนึกผิด

ประสบการณ์สุดรันทด"หนุ่มพิการ"จำเป็นต้องใช้บริการรถตู้กลับบ้าน ร้อนถึงโซเชียลคนขับจึงได้สำนึกผิด

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้พิการที่ต้องนั่งวีลแชร์ ได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวที่ทำให้เขาอึ้งมากๆ เมื่อเขาต้องนั่งรถตู้กลับบ้านครั้งแรกในชีวิต แต่คนขับรถให้ช่วยเหลือตัวเอง โดยเขาต้องย้ายตัวเองขึ้นรถตู้และพยายามพับรถวีลแชร์ไว้ข้างที่นั่งแต่พื้นที่ไม่พอ ทำให้ไม่สามารถวางได้ และเมื่อขอร้องให้คนขับนำรถวีลแชร์ไปเก็บไว้หลังรถตู้ อีกฝ่ายกลับบอกให้จ่าย 100 บาท และบ่นว่าเกะกะ ซึ่งต่อมาได้มีคนแชร์เรื่องดังกล่าวออกไปและวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมาก


โดยเฟซบุ๊กชื่อ สถาพร หงสาหิน ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ที่เขาพบเจอโดย ระบุข้อความในเฟซบุ๊กว่า "น้ำตาแทบไหลอยากจะร้องไห้ซึ้งในน้ำใจ รถตู้พัทยากลาง-จันทบุรี เรื่องมีอยู่ว่า ผมจะกลับบ้านที่ระยอง ปั่นวีลแชร์ไปถึงหน้าประตูรถ คนขับบอกรถบอกผมว่า ช่วยเหลือตัวเองนะ ผมมองน่าแล้วตอบไปว่าครับ ผมขอนั่งเบาะหน้าได้มั้ยครับ พี่ท่านบอกไม่ได้ โอเค ผมเลยไปนั่งเบาะหลัง ย้ายตัวสองสเต็ปย้ายจากวีลแชร์ลงพื้นหนึ่งที ย้ายจากพื้นขึ้นเบาะรถอีกหนึ่งทีถึงเบาะรถ"
 

"พี่ท่านบอกพับรถไปเก็บเองนะ ระวังอย่าให้โดนข้างรถผม ซึ้งเลยครับ โอเค ไม่เป็นไร ผมพยายามเอื้อมมือมาพับวีลแชร์พยายามจะดึงขึ้นมาหาที่ไว้ หันมองไปที่เบาะหลังหวังว่าจะมีคนเห็นแล้วมาช่วยมั้ย ตอนนั้นทุกคนในรถ นั่งมองโดยทีไม่มีใครมาช่วยเลย โอเคไม่เป็นไร พยายามดึงวีลแชร์มาไว้ข้างที่นั่งตัวเอง(ที่นั่งอยู่ตรงแถวหน้าติดประตู)แต่มันก็วางไม่ได้ที่ไม่พอวีลแชร์มันจะตกไปติดประตู ก็เลยจับวีลแชร์ไว้ รอดูว่าพี่ท่านคนขับรถจะมาหาวิธีแก้ไขหรือช่วยอะไรหรือเปล่า"


"พี่ท่านมาจริงอย่างที่คิด พี่ท่านมาบอกว่า จะมาจับไปแบบนี้ตลอดทางไม่ได้นะ ผมเลยบอกพี่ท่านไปว่า ช่วยเอาไปเก็บข้างหลังรถให้หน่อยได้ไหมครับ พี่ท่านบอก เอามาร้อยนึงได้ยินพี่คนขับรถบ่นด้วยว่ารถเข็นเกะกะจริงๆ เห้ออออ 5555ซึ้งชิบหาย เป็นคนพิการแม่งลำบากชิบหาย ผมอาโอเคได้ครับ เสร็จปุ๊บรถออก1ชั่วโมงกับอีก30นาทีโดยประมาณ ถึงระยองโทรเรียกพี่ชายมารับอุ้มลงรถกลับบ้าน จบ #คิดว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่นั่งอีกล่ะละ"
 

ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก สถาพร หงสาหิน ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นประเด็นอยู่ในก่อนหน้านี้ว่า ทางคนขับรถตู้และคนขายตั๋วได้โทรมาขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งทางตนก็ได้ให้อภัยไป โดยระบุข้อความในเฟซบุ๊กว่า "เขาโทรมาขอโทษแล้ว ผมรับฟังและให้อภัยและจบแล้วครับ แยกย้ายกันไปทำมาหากินตามหน้าที่กันต่อไปครับ ตอนนี้ทางคนขับรถตู้และคนขายตั๋วให้กับผมเมื่อวานนี้ เขาได้โทรมาขอโทษและยอมรับและน้อมรับทุกคำติเตียนของพี่น้องโซเชียล"


"และได้บอกว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะดูถูกดูหมิ่นคนพิการหรือคิดในเรื่องที่ไม่ดีแต่อย่างได และได้บอกกับผมว่าโอกาสหน้าจะดูและบริการให้ดีกว่าเดิมด้วยความเต็มใจ และยอมที่จะชดเชยให้ผมถ้าผมต้องการ เพราะว่าเขารู้สึกไม่ดี แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไรหรอกครับ แค่มาเล่าให้ฟังเฉยๆอย่างที่บอกไว้แต่แรกแล้ว และผมก็ยินดีและขอบคุณสำหรับคำขอโทษของเขาด้วยความเต็มใจ และขอให้พี่น้องในโซเชี่ยลหยุดแชร์และหยุดตำหนิทางบริษัทรถตู้ด้วยนะครับ เพราะว่าตอนนี้ทางรถตู้ได้ขอโทษผมเรียบร้อยแล้ว"


"และบอกว่าจะปรับปรุงแก้ไขและบริการให้ดีขึ้นกว่าเดิม และผมหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นกระจกสะท้อนสังคม และทำให้สังคมของเราปรับปรุงและมีความละเอียดมากขึ้น ที่จะไม่มองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆ เพราะบ้างทีสิ่งเล็กๆน้อยสำหรับเราที่เรามองข้ามหรือคำพูดเล็กๆน้อยๆของเราที่เราหลุดพูดไปโดยไม่คิดอะไรหรือไม่ทันได้คิด อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ของคนอื่นหรืออาจจะไปทำร้ายจิตใจความรู้สึกของเขาเป็นก็ได้ และผมก็ขอขอบคุณทุกคน และขอบคุณบริษัทรถตู้ ทั้งคนขายตั๋วและคนขับรถ ที่โทรมาขอโทษและยอมรับด้วยความจริงใจ ขอบคุณมากครับผม"

ประสบการณ์สุดรันทด"หนุ่มพิการ"จำเป็นต้องใช้บริการรถตู้กลับบ้าน ร้อนถึงโซเชียลคนขับจึงได้สำนึกผิด

(รถตู้คันดังกล่าว)

 

ประสบการณ์สุดรันทด"หนุ่มพิการ"จำเป็นต้องใช้บริการรถตู้กลับบ้าน ร้อนถึงโซเชียลคนขับจึงได้สำนึกผิด

(คิวรถตู้)

 

ขอบคุณ สถาพร หงสาหิน