"อัจฉริยะ" ฟ้อง​ "หนุ่ม-กรรชัย" แค่สัมฯ "ทนายตั้ม" คู่แค้น (คลิป)

เรียกได้ว่าเป็นคู่ไม้เบื่อไม้เมากันไปตลอดกาลเลยก็ว่าได้ สำหรับทนายตั้ม และ นายอัจฉริยะ หลังจากซัดหมัดกันอย่างเมามันกันข้ามปี จนเมื่อช่วงต้นปี ทนายตั้มได้ออกมาโพสต์เฟสบุคส่วนตัว ว่าจะนำผู้เสียหายไปร้องทุกข์ที่กองปราบ เพื่อดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะข้อหาทำพยานหลักฐานเท็จ กรณีนำข้อมูล 2 สามีภรรยาไปที่นายอัจฉริยะกล่าวหาว่าเป็นแอดมินเพจโหลกแดงไปเปิดเผย

 โดยเมื่อวันที่(06/01/2562) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแจ้งว่าวันที่ (7 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ผู้เสียหายจะเดินทางไปร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในข้อหาร่วมกันทำพยานหลักฐานเท็จ และจะเปิดหลักฐานบางส่วนให้ทราบถึงพฤติกรรมของบุคคลกลุ่มนี้

โดยระบุว่า หลังจากที่คุณรักชนก เจริญมากสุวรรณ ไปแจ้งความดำเนินคดีนายอัจฉริยะฯ เรื่องคัดทะเบียนราษฎร์โดยมิชอบ ที่สภ.บางปะอิน ได้มีกลุ่มบุคคลสมคบคิด และร่วมกันทำพยานหลักฐานเท็จ โดยการปลอมแปลงเอกสารราชการ เพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง จนเมื่อวันที่  7 มกราคม 2562  ทนาย ษิรา เบี้ยบังเกิดและผู้เสียหายได้เดินทางมาร้องทุกข์ที่กองปราบเพื่อดำเนินคดีกับนาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์  พร้อมกับพวกที่ร่วมขบวนการทุกคนในข้อหาร่วมกันทำพยานหลักฐานเท็จปลอมแปลงเอกสารราชการ

 ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้เดินทางมาที่กองปราบปราม  เพื่อมาตรวจสอบกรณีที่ถูก ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง แจ้งความข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการ แล้วร่วมกันสร้างพยานหลักฐานเท็จ จากกรณีให้ตำรวจ สภ.บางปะอิน คัดลอกสำเนาทะเบียนราษฎร์ของภรรยา นายเศรษฐ์ เดชสุภา ลูกเพจ 

Red Skull นั้นก็เป็นเรื่องราวบาดหมางในช่วงต้นปีของทั้งคู่ จนนำมาซึ่ง วิวาทะดุเดือดบนโซเชียล อย่างกรณีล่าสุด

 

ความเป็นพี่เป็นน้องในวงการกฏหมายจะยังคงอยู่หรือว่าจะแตกหักกัน เมื่อกรณีที่ทางนายอัจฉริยะเคยมีประเด็นปัญหาถึงขั้นฟ้องร้องทนายตั้ม ในเรื่องของการให้สินบนกับอัยการ โดยทางนายอัจฉริยะจะยื่นถอดถอนชื่อทนายตั้มออกจากสภาทนายความ แต่ว่าล่าสุดนั้น ทางมติออกมาแล้วว่าทางทนายตั้มไม่มีความผิด  ซึ่งทนายตั้มจึงจะฟ้องนายอัจฉริยะกลับเรื่องดังกล่าว โดยทางทนายตั้มได้ตั้งคำถามกับประชาชนว่า "ผมควรจะฟ้องพี่อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หรือปล่อยให้พี่เค้ามีพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปครับ?" 

ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ผมรับเป็นทนายความให้คุณวาสนาฯ ในคดีแพ่งและคดีอาญาจำนวน 3 คดีคือ คดีฉ้อโกงที่ค้างอยู่ที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ,คดีรับของโจรผู้เกี่ยวข้องรายอื่นซึ่งยังอยู่ที่พนักงานสอบสวน และติดตามเอาทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายคืน โดยคุณวาสนาฯต้องการให้เพิ่มกรรมกับจำเลย เมื่อผมตรวจสอบข้อกฎหมายต่างๆแล้ว เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงไม่สามารถยื่นหลักฐาน หรือขอความเป็นธรรมที่พนักงานอัยการเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ ประกอบกับเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้วไม่ได้ใช้วิธีโอนเงินทางธนาคาร จึงยากที่จะติดตามยึดทรัพย์มาได้ ผมจึงแจ้งแก่คุณวาสนาฯ"

 

ต้นเดือนสิงหาคม2561 คุณวาสนาฯ มาขอยกเลิกสัญญา ผมได้คืนเงินทั้งหมดให้แก่คุณวาสนาฯ ในอีกไม่กี่วันถัดมา หลังจากนั้นคุณวาสนาฯ ได้ไปพบพี่อัจฉริยะฯ พี่อัจฉริยะฯจึงถามคุณวาสนาฯ ถึงเรื่องราวทั้งหมด คุณวาสนาฯก็ได้บอกว่าไปหาทนายตั้มแต่ทำงานไม่สำเร็จ โดยมีการคืนเงินกันแล้ว ซึ่งมีคลิปเสียงยืนยันกับพี่อัจฉริยะฯว่าได้มีการว่าจ้างกันจริง เมื่อพี่อัจฉริยะฯได้ฟังคลิปเสียงโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร จึงอาสาทำให้ฟรีโดยใจลึกๆอาจจะอยากทำลายผม โดยมีเงื่อนไขให้คุณวาสนาฯทำตามที่พี่อัจฉริยะฯบอก ด้วยความไม่รู้กฎหมายและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คุณวาสนาฯ จึงต้องทำตาม เพราะหวังว่าจะได้เงินที่ถูกโกงกลับคืนมา แต่ต่อมาภายหลังคุณวาสนาฯและครอบครัว ได้รู้ความจริงว่า พี่อัจฉริยะฯไม่ได้มุ่งช่วยเหลือเรื่องคดี แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวต้องการเอาเรื่องนี้มาโจมตีผม คุณวาสนาฯไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของพี่อัจฉริยะฯ จึงได้ไปให้ข้อเท็จจริงกับตำรวจกองปราบปราม และตำรวจสภ.กระทุ่มแบน ว่าสิ่งที่พี่อัจฉริยะฯพูดมาไม่ใช่เรื่องจริง ต้องยอมรับว่าคุณวาสนาฯ กับครอบครัวเป็นคนที่รักความถูกต้อง ให้ความเป็นธรรมกับผม ผมขอขอบคุณคุณวาสนาฯและครอบครัวมากครับ

 ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ผมรับเป็นทนายความให้คุณวาสนาฯ ในคดีแพ่งและคดีอาญาจำนวน 3 คดีคือ คดีฉ้อโกงที่ค้างอยู่ที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ,คดีรับของโจรผู้เกี่ยวข้องรายอื่นซึ่งยังอยู่ที่พนักงานสอบสวน และติดตามเอาทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายคืน โดยคุณวาสนาฯต้องการให้เพิ่มกรรมกับจำเลย เมื่อผมตรวจสอบข้อกฎหมายต่างๆแล้ว เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงไม่สามารถยื่นหลักฐาน หรือขอความเป็นธรรมที่พนักงานอัยการเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ ประกอบกับเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้วไม่ได้ใช้วิธีโอนเงินทางธนาคาร จึงยากที่จะติดตามยึดทรัพย์มาได้ ผมจึงแจ้งแก่คุณวาสนาฯ"

ต้นเดือนสิงหาคม2561 คุณวาสนาฯ มาขอยกเลิกสัญญา ผมได้คืนเงินทั้งหมดให้แก่คุณวาสนาฯ ในอีกไม่กี่วันถัดมา หลังจากนั้นคุณวาสนาฯ ได้ไปพบพี่อัจฉริยะฯ พี่อัจฉริยะฯจึงถามคุณวาสนาฯ ถึงเรื่องราวทั้งหมด คุณวาสนาฯก็ได้บอกว่าไปหาทนายตั้มแต่ทำงานไม่สำเร็จ โดยมีการคืนเงินกันแล้ว ซึ่งมีคลิปเสียงยืนยันกับพี่อัจฉริยะฯว่าได้มีการว่าจ้างกันจริง เมื่อพี่อัจฉริยะฯได้ฟังคลิปเสียงโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร จึงอาสาทำให้ฟรีโดยใจลึกๆอาจจะอยากทำลายผม โดยมีเงื่อนไขให้คุณวาสนาฯทำตามที่พี่อัจฉริยะฯบอก ด้วยความไม่รู้กฎหมายและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คุณวาสนาฯ จึงต้องทำตาม เพราะหวังว่าจะได้เงินที่ถูกโกงกลับคืนมา แต่ต่อมาภายหลังคุณวาสนาฯและครอบครัว ได้รู้ความจริงว่า พี่อัจฉริยะฯไม่ได้มุ่งช่วยเหลือเรื่องคดี แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวต้องการเอาเรื่องนี้มาโจมตีผม คุณวาสนาฯไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของพี่อัจฉริยะฯ จึงได้ไปให้ข้อเท็จจริงกับตำรวจกองปราบปราม และตำรวจสภ.กระทุ่มแบน ว่าสิ่งที่พี่อัจฉริยะฯพูดมาไม่ใช่เรื่องจริง ต้องยอมรับว่าคุณวาสนาฯ กับครอบครัวเป็นคนที่รักความถูกต้อง ให้ความเป็นธรรมกับผม ผมขอขอบคุณคุณวาสนาฯและครอบครัวมากครับ

 

ตอนนี้สภาทนายความมีมติเป็นเอกฉันท์ #ยกคำร้องไม่รับคำกล่าวหา ในเรื่องให้สินบนพนักงานอัยการ ทั้งของพี่อัจฉริยะฯ และของคุณวาสนาฯที่กล่าวหาผม พี่อัจฉริยะฯต้องหยุดพฤติกรรมแบบนี้ เสียทีครับ ไม่ว่ากับผมหรือใครก็ตาม

แต่ทว่า...เรื่องราวคงไม่จบ เมื่อทางด้านนายอัจฉริยะ ได้ออกมาโพสต์ข้อความตอบกลับถึงทนายตั้ม ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ"ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม" ถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ฟาดฟันกันผ่านบนโซเชียลไปมา แล้วแบบนี้เรื่องจะจบลงอย่างไร?

โดยในวันเดียวกันที่ทาง ทนายตั้มได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ทางด้านนายอัจฉริยะก็ได้ออกโพสต์ข้อความตอบกลับสั้นๆระบุว่า "สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งโม้ เล่นลิเก 44 กรรม รีบๆ ฟ้องเลยถ้าเก่งจริง ชมรมฯ ชอบความจริงและวิ่งล้มคดีไม่เป็น เอาเป็นว่าไม่พูดมาก เจ็บคอ ไว้ไปเจอกันที่ศาลเลย"  ในขณะเดียวกันทางทนายตั้มเองก็ออกมาโพสต์ภาพที่ทั้งคู่เคยไปร่วมทำบุญด้วยกัน พร้อมด้วยข้อความที่ว่า "ขอให้คุณพระคุ้มครองพี่นะครับ สิ่งที่พี่ทำกับผม ผมขออโหสิกรรมให้ หลังจากนี้อยู่ที่กรรมของพี่แล้วคนที่พี่ทำกรรมอะไรกับเค้าไว้ ทำให้เค้าเดือดร้อน เค้าจะให้อภัย เค้าจะอโหสิกรรมให้พี่หรือเปล่า พี่ชี้ถูก ชี้ผิด ตัดสินคนอื่นโดยพลการตามใจพี่ ผมอภัยให้พี่ แล้วคนอื่นจะอภัยให้พี่ด้วยไหม ยังมีอีกหลายคดีที่รอพี่อยู่ แล้วแต่เวรแต่กรรมของพี่นะครับ ขออนุโมทนาสาธุ #ผู้ที่รักความถูกต้องทุกท่านคิดว่าพี่เค้าควรได้รับการให้อภัยไหมครับ?"

แต่จะว่าไปแล้วนายอัจริยะเองต่างก็มีเรื่องฟ้องร้องกับหลายฝ่าย แค่เรื่องของทางทนายตั้มยังไม่จบ ก็ยังจะมีประเด็นเรื่องราวชุดใหญ่ไฟกระพริบเพิ่มวะแล้ว เมื่อคุณกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรนักข่าวรายการหนึ่ง ต้องโร่เตรียมขึ้นศาลหลังจากที่อยู่ดีๆถูกนายอัจฉริยะ ฟ้องร้องเรื่องที่ทางคุณกรรชัย ได้มีการโฟนอินนายอัจฉริยะ เข้ามายังรายการ พร้อมกับ โฟนอิน ทนายตั้ม พร้อมทั้งยังฟ้องคุณหมวย ผู้ร่วมเป็นผู้ประกาศข่าวอีกด้วย

ซึ่งคุณหนุ่ม กรรชัย ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กว่า "เนื่องจากเป็นพิธีกรที่คอยรายงานข่าว หนุ่ม กรรชัย จึงขอระบายผ่านโซเชียล พร้อมยืนหยัดความถูกต้องในหน้าที่ของตนเองว่า "ในวันที่ผมเริ่มตัดสินใจมานั่งอ่านข่าว ผมถามตัวเองเสมอว่าควรทำรึเปล่า เพราะตัวผมเองไม่มีต้นทุนทางด้านสื่อสารมวลชนด้านข่าวเลย แต่สิ่งนึงที่เป็นบรรทัดฐานของอาชีพนี้ นั่นคือความเป็นกลางและยุติธรรม ไม่เลือกข้างเลือกฝ่าย และสุดท้ายผมเลือกที่จะทำอาชีพนี้ ผมจึงต้องชัดเจนในการนำเสนอข้อมูลกับประชาชนแบบตรงไปตรงมา การนำเสนอข่าวของผม ผมต้องชัดเจน ...

 

มันน่าขำตรงที่ คุณจะให้ผมมัดมือ มัดเท้าคนอื่น แล้วให้คุณชกเค้าฝ่ายเดียว พอผมไม่ยอมทำตาม โดยให้คู่กรณีคุณชี้แจงบ้างเพื่อความเป็นธรรม คุณดันมาโกรธผมซะงั้น บอกเป็นพี่น้องกันเค้าไม่ทำแบบนี้ (เลยฟ้องผมแม่งซะเลย555) ขำอ่ะ...

ถ้าคุณเห็นผมเป็นพี่เป็นน้อง(อย่างที่คุณพูด) และคุณเป็นพี่ที่ดีจริงๆ คุณควรสนับสนุนผม ให้ผมได้ทำงาน ทำหน้าที่ของสื่ออย่างตรงไปตรงมาด้วยความภูมิใจ ไม่ใช่ให้ผมทำลายจรรยาบรรณของสื่อที่เค้ามีความเป็นกลาง มีความภาคภูมิใจในอาชีพนี้มาตั้งแต่สมัยโคตรเหง้าศักราช แต่นี่คุณจะให้ผมทรยศอาชีพตัวเองด้วยการให้ผมเลือกข้าง แบบนี้มันถูกแล้วเหรอครับ? สำหรับผม เป็นแค่สื่อที่นำเสนอสองมุมอย่างไม่บิดเบือน หรือถ้าการนำเสนอนั้นๆ มันกระทบคุณ คุณก็ต้องพิสูจน์ตัวของคุณเอง..ว่ามันใช่อย่างที่มันเป็นรึเปล่า การกระทำพิสูจน์คนครับ

ปล. ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงตอนนี้คุณจะฟ้องผม ผมก็ยังจะนำเสนอเรื่องราวของคุณอย่างเป็นกลาง ทั้งคู่กรณีคุณ และตัวคุณ เพราะผมจะไม่ทรยศอาชีพตัวเองแน่นอนครับ

ปล. ใน ปล. ฟ้องผม ผมยังพอทำใจ แต่ไปฟ้องคุณหมวย (อริสรา กำธรเจริญ) เพื่อ? เค้ายังให้นมลูกอยู่เลย"

 

จากประเด็นเรื่องราวที่ทางคุณหนุ่ม กรรชัย โดนนายอัจฉริยะฟ้อง เนื่องด้วยในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางช่อง 3 ที่ หนุ่ม กรรชัย และ  หมวย อริสรา กำธรเจริญเป็นพิธีกรอยู่ ได้นำเสนอ ในกรณีที่ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด กำลังดำเนินหลักฐานฟ้อง นายอัจฉริยะกลับ ในกรณีที่นายอัจฉริยะให้รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน ค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของภรรยานายเศรษฐ์ เพื่อนำไปเผยแพร่ในสื่อโซเชียล จนได้รับความเสียหาย และสร้างพยานหลักฐานเท็จ และได้มีการโฟนอินนายอัจฉริยะ เข้ามายังรายการ พร้อมกับ โฟนอิน ทนายตั้ม

ต้องบอกเลยว่างานนี้คงต้องกลายเป็นเรื่องราวมหากาพย์แห่งปีอีกหรือไม่ เพราะก่อนหน้านั้นประเด็นการฟ้องร้องของนายอัจฉริยะจะเยอะซะเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยากจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่กำลังประสบปัญหาจริงๆหรือไม่ หรือว่าต้องการที่จะทำให้ตัวเองนั้นมีชื่อเสียงกันแน่ อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามเรื่องราวประเด็นนี้กันต่อไป