สำนักพุทธฯแจ้งผู้ว่าฯทั่วประเทศ ส่งสตช.สอบประวัติอาชญากรคนขอบวช สกัดพวกหนีคดีซุกผ้าเหลือง

จากกรณีกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)  พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) พร้อมด้วยพ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. ,พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. และพ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป.ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติงานยุทธการกวาดลานวัด จับกุม 18 ผู้ต้องหาซึ่งได้หนีคดีและมาบวชเป็นพระ รวมถึงก่อคดีระหว่างที่ดำรงตนเป็นพระภิกษุสงฆ์ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่หลายจังหวัด แบ่งประเภทความผิดคือความผิดเกี่ยวกับชีวิตร่างกายและเพศ จำนวน 4 ราย ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 9 ราย ความผิดคดีพิเศษ 1 ราย และความผิดคดีที่รัฐเป็นผู้เสียหายอีก 4 รายนั้น

 

ทั้งนี้พล.ต.ต.จิรภพ  ภูริเดช กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ ร่วมกันกับตำรวจสอบสวนกลาง ตรงจสอบข้อมูลบุคคลผู้มีหมายจับทั่วประเทศ พบว่าหนีไปบวชเป็นภิกษุสงฆ์ตามวัดหลายแห่งในหลายจังหวัด โดยมีคดีที่น่าสนใจได้แก่ คดีแรก จับกุมนายมนัส ชะบา หรือพระมนัส สุจิตโต ผู้ต้องหาในความผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ ซึ่งก่อเหตุในระหว่างที่บวชเป็นพระ"

 

“โดยมีพฤติการณ์ของคดีคือ ผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุ 10 ปี อาศัยกับยายในเพิงพักคนงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นร้านขายชำ ตั้งอยู่ใกล้กันกับวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยนายมนัส มักจะมาซื้อเครื่องดื่มชูกำลังเป็นประจำ กระทั่งปลายเดือนมีนาคมปี 2561 เด็กหญิงวัย 10 ปี ได้นำของที่คนร้ายสั่งไว้ส่งให้ในกุฎิพระ ก่อนจะถูกใช้กำลังเข้าปลุกปล้ำและมีการจับต้องถูกของสงวน แต่เด็กหญิงก็หนีออกมาได้จึงเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินการจับกุม แต่ปรากฎว่าคนร้ายไหวตัวทันจึงหลบหนีไปจำวัดที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา และถูกจับกุมได้ท้ายที่สุด”

 

 

 

สำนักพุทธฯแจ้งผู้ว่าฯทั่วปท. ส่งสตช.สอบประวัติอาชญากรคนขอบวช สกัดหนีคดีซุกผ้าเหลือง

 

นอกจากนี้ พล.ต.ต.จิรภพ ยังกล่าวอีกว่า จากคดีดังกล่าวทั้งหมดนั้นผู้ต้องหาส่วนมากให้การรับสารภาพว่า มีจุดประสงค์บวชเพื่อหนีคดีทั้งหมด โดยระหว่างที่นำตัวมาคุมขังนั้น ได้ทำการจับสึกเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ จะมีการขยายผล ตรวจหาหมายค้างเก่า ว่ามีเพิ่มเติมหรือไม่ พร้อมส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในโรงพักท้องที่ต่อไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังวัด หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบวชในด้านต่างๆ ให้ช่วยกันสอบประวัติของผู้ที่จะเข้ารับการบวชว่ามีเคยต้องประวัติคดีทางอาญาใดหรือไม่ หากพบเบาะแสสามารถแจ้งความได้ด้วยตนเองที่กองบังคับการปราบปราม ถ.พหลโยธิน หรือเพจเฟซบุ๊กกองปราบฯได้

 

ต่อมานายสมเกียรติ ธงศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ปฏิบัติราชการแทน ผอ.พศ. ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่องแนวทางการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท ระบุว่า ตามหนังสือแจ้งมติมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2562 เรื่อง แนวทางการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบประวัติบุคคล ให้ พศ. หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ส่งข้อมูลทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Email) ให้กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยมีการแจ้งเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดทราบและถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกันแล้ว จึงขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณามอบ พศจ. สนับสนุนการดำเนินงานของคณะสงฆ์ต่อไป

 

สำนักพุทธฯแจ้งผู้ว่าฯทั่วปท. ส่งสตช.สอบประวัติอาชญากรคนขอบวช สกัดหนีคดีซุกผ้าเหลือง

 

สำหรับมติ มส. ครั้งที่ 1/2562 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท ดังนี้

 

1. เจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์ ตรวจคุณสมบัติเบื้องต้นและรวบรวมเอกสารประจำตัวของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท และมีหนังสือถึง พศ. หรือ พศจ. เพื่อส่งข้อมูลให้กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ตรวจประวัติบุคคลจากเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก

 

2. พศ. หรือ พศจ. รับข้อมูลผู้ขอบรรพชาอุปสมบทจากเจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์ แล้วส่งข้อมูลให้กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ตรวจประวัติบุคคลจากเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก

 

3. กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด รับข้อมูลผู้ขอบรรพชาอุปสมบทจาก พศ. หรือ พศจ. แล้วตรวจประวัติบุคคลจากเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

 

4. กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ตรวจประวัติบุคคลเสร็จเรียบร้อยแล้วแจ้งให้ พศ. หรือ พศจ. ทราบภายใน 15 วัน

 

5. พศ. หรือ พศจ. รับข้อมูลผู้ขอบรรพชาอุปสมบทจากกองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ที่ตรวจสอบประวัติบุคคล แล้วแจ้งข้อมูลให้เจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์ทราบภายใน 7 วัน

 

สำนักพุทธฯแจ้งผู้ว่าฯทั่วปท. ส่งสตช.สอบประวัติอาชญากรคนขอบวช สกัดหนีคดีซุกผ้าเหลือง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลากคอมันมารับกรรม!! ป.ป.ช. ยืนยัน แจ้งข้อกล่าวหา โกงเงินวัด จ.สงขลา แย้ม คนในพื้นที่ร่วมมือผู้บริหารสำนักพุทธฯ (มีคลิป)    
ร้อนฉ่า!?! พระหนุ่มอัดคลิปวิพากษ์แรง!!!ห้ามพระจับเงิน?!?ฝากมหาไพรวัลย์ใช้พระไตรปิฎกฟาดหัวผอ.สำนักพุทธฯโง่ๆ?!?พาดพิงไปถึงวัดธรรมยุติ???(คลิป)