"ม่อน - เอิร์ธ" โต้รัวคำพูดพ่อน้องดีน วอนสังคมหยุดสงสัย

จากรณีการหายตัวไปของ นายหัสดีน ไชยเพ็งจันทร์ หรือน้องดีน อายุ 18 ปี ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา เหตุเกิดขึ้นที่บ้านแล้ง ตำบลหนองยาว อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยนายคำพัน ไชยเพ็งจันทร์ พ่อของน้องดีน เปิดเผยว่า ไม่รู้ว่าลูกเป็นตายร้ายดียังไงยังมีชีวิตอยู่ไหม พร้อมทั้งบอกอีกว่า เมื่อปี 2560 ลูกชายเคยถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ ที่อ้างตัวเป็นตำรวจจับกุมไป ในวันที่หายตัวไปลูกใส่เสื้อแขนยาว สวมหมวกกันน็อก และขับรถจักรยานยนต์ของเพื่อน ซึ่งผิดปกติ คล้ายกับการพยายามให้ลูกชายแต่งตัวให้เหมือนม่อนที่เป็นเพื่อน 

จนกระทั้งพบร่างอันไร้วิญญาณของ นายหัสดีน ไชยเพ็งจันทร์ ถูกทิ้งในป่าแปดริ้ว พร้อมทั้งมีรอยต่อสู้ถูกทำร้าย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งปมสังหารเรื่องขัดแย้งกับแก๊งค้ายาเสพติด ทั้งนี้ยังพบพิรุธหลายอย่างเกี่ยวกับน้องดีน และเพื่อนคนสนิทที่ชื่อ นายอนุพงศ์ อินคง หรือ น้องม่อน 

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ตร.ภาค2 ระดมชุดสืบล่าทีมสังหาร "น้องดีน" มุ่งปมแย้งแก๊งยา สืบโซเชียลไล่เปิดตัวเพื่อน คลี่ปมทำไมสลับเสื้อใส่พรางตัว

 

ในเวลาต่อมาครอบครัวของน้องดีน ได้ทำพิธีอัญเชิญวิญญาณกลับบ้านทั้งน้ำตาแห่งความรัก ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวบจนพบว่าคดีน้องดีนนี้มีลักษณะคล้ายกันกับคดีอุ้มฆ่าเด็กหนุ่มวัย 19 ปี เมื่อปี 2558

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : พ่อจุดธูปเรียกวิญญาณ "น้องดีน" กลับบ้าน ตร.รื้อคดีเก่าปี58 โยงแก๊งยาอุ้มหนุ่มวัย19

 

กระทั่งมีข้อมูลว่า ตำรวจหิ้วตัวผู้ต้องสงสัยสอบ คาดเอี่ยวคดีน้องดีน โดยแหล่งข่าวระบุว่าหนึ่งในนั้นมีคนชื่อนาย อักษร อ. ซึ่งเป็นคนสนิทของอดีตราชการนอกรีด ที่เคยก่อเหตุอุ้มเรียกค่าไถ่ 

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ตร.เค้นสอบ 2 ต้องสงสัยเอี่ยวคดี "น้องดีน" รีดหนัก "นาย อ." คนสนิทอดีตข้าราชการนอกรีต

 

 

และจากที่พ่อของผู้เสียชีวิตได้ให้สัมภาษณ์กับหลายๆ ตอนที่เดินทางมารับร่างของลูกชายนั้น นายคำพันได้กล่าวว่า สงสัยพฤติกรรม ม่อน เพื่อนของลูกชาย เพราะดูอาการไม่ค่อยปกติ และพยายามหลบสายตา จนตนสงสัยว่าอาจมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ 

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : "พ่อน้องดีน" สงสัยพฤติกรรม "ม่อน" ดูไม่ค่อยปกติ พยายามหลบสายตา หรือว่ารู้เห็นเรื่องนี้ (คลิป)
 

ล่าสุด นายอนุพงศ์ อินคง หรือ ม่อน เพื่อนผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เสียใจที่เพื่อนเสียชีวิต ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าใครทำ ส่วนกระแสสังคมที่มองว่าตนมีส่วนรู้เห็น ยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นทั้งสิ้น และของใช้ทุกอย่าง ทั้งเสื้อหมวกกันน็อก และรถจักรยานยนต์ นายดีนเป็นคนเอ่ยปากขอยืมทั้งหมดเอง ตนไม่ได้ยัดเยียดให้เพื่อน และไม่มีเจตนาที่จะให้มีการอุ้มฆ่า อีกทั้งรถจักรยานยนต์และหมวกกันน็อกเป็นของพ่อตนที่ใช้เป็นประจำ

 

ส่วนเรื่องแก๊งยาเสพติดในอดีต ตนไม่เคยทราบ และไม่พบพิรุธในวันที่แยกจากกันกับนายดีน เพียงแต่สังเกตได้ว่านายดีนดูมีลักษณะเร่งรีบกลับบ้าน แต่ก็ไม่ได้เอะใจ เพราะนายดีนมีการอัปวิดีโอสตอรี่เฟซบุ๊ก ในคืนวันที่หายตัวไป

 

 

 

ส่วนที่ตนหายออกจากบ้านไปช่วงแรกที่นายดีนหายตัวไป ยืนยันว่าไม่ได้หลบหนี เพียงแต่ 2 วันแรกนั้น ตนทะเลาะกับพ่อเรื่องรถจักรยานยนต์ที่ให้ดีนยืมไป จึงหนีออกจากบ้าน นอกจากนี้ ที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนมีการเร่งติดตามผู้ต้องสงสัย คือนายอ๊อด คนที่เคยอยู่ในชุดที่มีการจับกุมยาเสพติดนายดีน เมื่อปี 60 ตนก็ไม่เคยรู้จักนายอ๊อด ทั้งนี้ ตนพร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และอยากให้สังคมหยุดสงสัยด้วย

 

 

 

ด้านนายณัฐพล ธิยาเวช หรือ เอิร์ธ เพื่อนสนิทผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางไปดูศพเพื่อน ทันทีที่เห็นก็รู้สึกตกใจและเสียใจ ไม่คิดว่าเพื่อนจะเสียชีวิตแบบนี้ เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม เนื่องจากเพื่อนไม่เคยขับขี่รถจักรยานยนต์ไปในป่าลึกคนเดียว และเป็นเส้นทางที่ไม่เคยไปมาก่อน อีกทั้งหากถ้าว่าขับขี่จักรยานยนต์เข้าไปยามวิกาล ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากดีนเป็นคนกลัวผี ไม่กล้าขับรถไปในที่เปลี่ยว

 

ทั้งนี้ เอิร์ธ ยังยืนยันอีกว่า วันที่เพื่อนหายตัวไป ตนจะขอกลับบ้านก่อน แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต และที่ผ่านมามักจะมาบ้านนายม่อนด้วยกัน แล้วกลับพร้อมกัน เป็นเพราะว่ามารถคันเดียวกัน แต่วันที่ 4 มี.ค. ตนมารถคนละคันกับนายดีน ส่วนกรณีที่มีข่าวออกมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัวผู้ต้องสงสัยชื่อนายอ๊อด ตนยืนยันว่าไม่เคยรู้จักนายอ๊อด และไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับการจับกุมยาเสพติด อีกทั้งไม่รู้ว่าปัจจุบันดีนยังคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่

 

 

เนื่องจากตั้งแต่รู้จักกันมา ดีนเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยสุงสิงใคร เป็นเพื่อนที่ดี และไม่เคยมีปัญหา ไม่มีคู่อริ ไม่มีศัตรู หรือความขัดแย้งกับใคร ส่วนปัญหาส่วนตัว เรื่องเงิน เรื่องยาเสพติด ตนไม่รู้รายละเอียด หลังจากนี้ ตนรู้สึกกังวลใจเรื่องความไม่ปลอดภัย และต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถตอนกลางคืนเช่นกัน