จากวันนั้น ถึงวันนี้ สาวเล่าประสบการณ์ "โรคซึมเศร้า" เกือบพลั้งมือทำร้ายลูก ก่อนฉุดตัวเองออกมาได้ทัน

  ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์เรื่อราวของโรคซึมเศร้าที่เธอนั้นต่อสู้มาอย่างยาวนานของคู่แม่ท่านหนึ่ง นำมาโพสต์ไว้ในกลุ่ม HerKid รวมพลคนเห่อลูก เมื่อไม่นานนี้ ว่าเธอนั้นต้องต่อสู้กับโรคนี้อย่างอยากลำบากเพียงใด

  ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์เรื่อราวของโรคซึมเศร้าที่เธอนั้นต่อสู้มาอย่างยาวนานของคู่แม่ท่านหนึ่ง นำมาโพสต์ไว้ในกลุ่ม HerKid รวมพลคนเห่อลูก เมื่อไม่นานนี้ ว่าเธอนั้นต้องต่อสู้กับโรคนี้อย่างอยากลำบากเพียงใด เสี้ยววินาทีหนึ่งเคยเกือบทำร้ายลูกน้อยของเธอเอง จนในที่สุดตัดสินใจไปพบแพทย์ และได้กำลังใจจากสามี ค่อยอยู่ใกล้ดูแลเธอไม่ห่าง 

"โรคซึมเศร้า" เกือบพลั้งมือทำร้ายลูก

 

โดยเธอเล่าว่า ...แชร์ประสบการณ์โรคซึมเศร้า เราไม่รู้ว่าโรคนี้มันเริ่มเกิดขึ้นกับเราตอนไหน เริ่มจากสภาวะหลังคลอด หรือเกิดจากชีวิตประจำและอดีตที่ผ่านๆมา เนื่องจากเราเป็นคนที่คิดมากอยู่แล้ว แต่เริ่มรู้สึกว่าตัวแปลกไป ไม่มีความสุข อยากทำร้ายตัวเอง อยากอยู่เฉยๆ ความจำเราสั้นผิดปกติ เราไม่ค่อยมีสติ จนมาวันนึงมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราคิดจะฆ่าตัวตายและอยากฆ่าลูกตายไปพร้อมกัน ช่วงนั้นลูกกำลังขวบนิดๆพอดี แต่เราโชคดีที่วันนั้นแฟนอยู่ด้วย เราเอาแต่ร้องไห้แบบไม่หยุดนานถึง6ชม. จากนั้นไม่กี่วันแฟนเลยพาไปปรึกษาหมอจิตแพทย์ ได้ยามาทาน1อาทิตย์ เราก็ทานไปได้2-3วัน ด้วยความที่เลี้ยงลูกคนเดียวแล้วแฟนทำงาน พอกินยามันทำให้เราเบลอๆสติไม่ค่อยเต็ม แฟนก็ไม่โอเคอีก (ที่เบลอเพราะฤทธิ์ยามันเข้าไปปรับสารเคมีในสมองพอร่างกายปรับตัวได้อาการเบลอจะเริ่มหายไปเอง) แต่เพราะเราอยู่เลี้ยงลูกคนเดียว เลยไม่กินอีกเลย เรากลัวเลี้ยงลูกได้ไม่เต็มที่ กลัวเค้าบาดเจ็บ เพราะวัยนี้กำลังซนมากๆ หลังจากหยุดยา แฟนก็พยายามพาเราออกไปข้างนอกมากขึ้นเมื่อมีเวลาว่างโดยไม่บ่นเหนื่อยเลย ผ่านมาอีก2-3เดือน เราเริ่มมีอาการขี้หงุดหงิด อยากทำร้ายตัวเอง ร้องไห้ได้ง่ายๆ ความจำไม่ดี เหมือนทุกอย่างมันเริ่มกับมาอีกแล้ว ช่วงนั้นเราไปเที่ยวที่เชียงใหม่พอดี เราเลยเข้าไปรักษาที่รพ.สวนปรุง เราได้รับยามา4อย่าง ทาน1เดือน แต่โชคร้ายของเรา ดันลืมขอใบส่งตัว และวันที่เรากำลังนอนพิมพ์แชร์ ประสบการณ์นี้ ยาเราหมดพอดี คืนนี้ยาวไปค่ะ ไม่รู้จะได้หลับกี่โมง ต้องรอแฟนลางานเพื่อที่จะไปเอาคิวคนไข้ใหม่ที่รพ.ประสาทวิทยา เพราะที่นั่นมียาทุกตัวที่รพ.สวนปรุงมี (มีพี่คนรู้จักเค้าแนะนำมาเพราะเค้ารักษามาก่อน) อย่าหยุดยาเอง เพราะโรคนี้สามารถกลับมาเป็นได้อีก บางคนต้องกินยาไปตลอดชีวิตก็มีนะคะ บางคนมารับยาทีเป็นปีๆเลยค่ะ แต่การรักษาอย่างน้อยต้องกินยารักษา5-6เดือนขึ้นไป แล้วต้องให้หมอค่อยๆปรับลดยาลง หากใครที่กำลังเป็นโรคนี้อยู่ หรือมีคนใกล้ตัวเป็น หมั่นคอยสังเกตดูอาการเค้าด้วยนะคะ ต้องแยกแยะคำว่าเอาแต่ใจตัวเอง กับสิ่งที่คนโรคนี้เป็น คนที่เป็นโรคนี้ไม่ได้ต้องการให้ใครมาสนใจ บางทีเค้าแค่คิดว่าถ้าไม่มีเค้าบนโลกใบนี้ก็น่าจะดีกว่านี้ ซึ่งนั่นแหละค่ะ คือสิ่งที่นำไปสู่การจบชีวิตอย่างที่เห็นเป็นข่าวกันประจำ ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดา หรือดารา หลายคนปฏิเสธที่จะรักษาหลายคนไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็น การไปหาหมอจิตวิทยา หรือหมอจิตแพทย์ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดนะคะ อย่าคิดว่าการไปหาหมอจะหมายความว่าเราบ้า ยังหรอกค่ะ เราแค่ป่วยเท่านั้นเอง แต่หากคุณไม่รักษา ตอนนั้นแหละค่ะคุณอาจบ้าจริงๆ ช่วงที่เราเริ่มรู้สึกแปลกๆ ช่วงที่เรายังไม่ได้รับการรักษา ทุกสิ่งอย่างดูแย่ น่าเบื่อ ไม่มีความสุขเลย ถึงแม้ใบหน้าเราจะยิ้ม แต่ในใจเราร้องไห้ เกือบทุกคืนที่เราแอบร้องไห้หลังจากลูกกับแฟนหลับ เราทรมานมาก เราไม่อยากออกไปไหน เราไม่อยากแต่งหน้า ไม่อยากแต่งตัว เราอยากอยู่เงียบๆคนเดียว แต่เราเลือกทำแบบนั้นไม่ได้เพราะมีลูกต้องเลี้ยง เรายิ่งทรมาน เราต้องฝืน เราไม่มีความสุขเลย แม้แต่รูปเรายังไม่ถ่าย ไม่เคยเปิดกล้องหันใส่หน้าตัวเองเลย เราพยายามโฟกัสลูก พยายามหัวเราะไปกับลูก แต่มันก็แค่ชั่วคราวที่ทำให้เรามีความสุข แต่พอหลังจากที่เราเริ่มกินยารักษา เราค่อยๆดีขึ้น เราอยากแต่งตัวถ่ายรูป เราอยากพาลูกไปเที่ยว เราอยากใช้ชีวิตกับแฟน เราอยากขอบคุณแฟนที่ยังทนกับเรา เค้ามีเวลาว่างแค่เสาร์ช่วงบ่ายกับวันอาทิตย์แค่นั้น แต่เค้ากลับจากที่ทำงานเค้าพยายามพาเรากับลูกไปเที่ยว ไปพักผ่อน บอกให้เราแต่งตัวแต่งหน้าสวยๆนะ เค้าจะถ่ายรูปให้ เค้าไม่เคยบ่นเหนื่อยเลย ทุกเช้าวันอาทิตย์เค้าตื่นมาทำงานบ้านให้เรา เค้าล้างขวดนมลูกให้เราทุกวัน บางทีก็ช่วยป้อนข้าว ฟังดูเหมือนไม่ได้ช่วยเยอะอะไร แต่สำหรับคนเป็นแม่แค่ได้นั่งพักหายใจทิ้ง20-30นาทีก็มีความสุขมากแล้ว ขอบคุณแฟนที่คอยจับมือและบอกให้เราสู้ เค้าถามเราว่า "รักเค้ามั้ย ถ้ารักเค้าอยู่กับเค้าไปนานๆได้มั้ย?" คำนี้มันทำให้เราหยุดคิดและน้ำตาไหล เหมือนว่าเราเห็นแก่ตัวมาก 

 

"โรคซึมเศร้า" เกือบพลั้งมือทำร้ายลูก ก่อนฉุดตัวเองออกมาได้ทัน

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเขียนกระทู้เล่าความรู้สึกสุดท้ายก่อนคิดสั้น!

จากวันนั้น ถึงวันนี้ สาวเล่าประสบการณ์ "โรคซึมเศร้า" เกือบพลั้งมือทำร้ายลูก ก่อนฉุดตัวเองออกมาได้ทัน

 

ถ้าวันนึงเราไม่มีสติแล้วคิดฆ่าตัวตายไปจริงๆ (ซึ่งวูบนึงเราก็คิดอะไรแบบนั้นจริงๆ เห็นสะพานเห็นบันได หรือถ้าอยู่ที่สูง อยู่ๆภาพก็แว๊บคิดขึ้นมาในหัวเหมือนกับว่าเราอยากไปโดดตรงนั้น แล้วเราก็เคยผูกคอตายมาแล้วจริงๆ โชคดีที่อาพังประตูเข้ามาช่วย แต่เรากลับไม่รู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นเลย เรายิ่งอยากทำให้มันสำเร็จด้วยซ้ำ) เราต้องพยายามดึงสติเราตลอดเวลา ถ้าเราทำแบบนั้น เราทิ้งให้คนที่เค้ารักเราเสียใจเราทิ้งเด็กที่มีแต่เราเป็นโลกทั้งใบของเค้า ทุกวันนี้ถึงเราจะกินยา แต่เราก็ต้องใช้ใจสู้ด้วย เรามีลูกที่น่ารักสำหรับเรา มีสามีที่เข้าใจ และซื่อสัตย์กับเรา คอยให้กำลังใจเรา บอกรักเราทุกวัน เลิกตรงดิ่งกลับบ้าน ทำงานก็ไลน์มาหา โทรมาหาทุกวัน บอกคิดถึงเราทุกวัน ถามทำอะไรกันอยู่ เค้าบีบยาสีฟันใส่แปรงให้เราทุกวัน เค้าไม่เคยขาดการติดต่อเลย เค้าทักมาหาทุกเช้าหลังจากที่เค้าถึงที่ทำงาน และนี่ทำให้เรารู้สึกว่าเราโชคดีแล้วที่ยังมีคนคอยรับฟังและเข้าใจเรา ส่วนใครที่ผ่านมาเจอบทความนี้แล้วเป็นโรคนี้อยู่ สู้ๆนะคะ อย่ายอมแพ้มัน อย่าให้มันชนะเราได้นะคะ เราคงไม่สามารถบอกว่าอย่าไปคิดมากได้หรอกเพราะทั้งๆที่รู้ว่าจริงๆแล้วมันทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะสารเคมีในสมองมันทำให้เราคิดลบ โรคนี้มันไม่ได้เป็น24ชม.นะคะ เพียงแค่ช่วงที่เราดิ่งขอแค่มีคนเข้าใจและอยู่ข้างๆก็พอ รูปโพสนี้คือรูปที่สามีถ่ายให้ค่ะใครไม่ชอบก็เลื่อนผ่านไปได้เลยนะคะ ส่วนใครที่มีอาการที่เราเล่ามาก็ลองไปปรึกษาหมอดูนะคะ ยิ่งรู้เร็วยิ่งรักษาหายเร็วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจบอกว่าอวดแฟน อวดผัว อวดลูก หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เราถือว่าเรามาแชร์ประสบการณ์จริงของเรา ยินดีนะคะหากใครจะเข้ามาสอบถามเรื่องอาการ สถานที่รักษา ยาที่ทาน แชร์ประสบการณ์กันได้นะคะ เราคือโลกทั้งใบของลูก ลูกกำลังน่ารัก อย่าเพิ่งทิ้งลูกไปไหนนะ (เหมือนประโยคบอกตัวเอง) ถึงเราจะเป็นแม่บ้านที่ไม่มีรายได้เหมือนเมื่อก่อน แต่เราก็พยายามหาของมาขาย เพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน ทำให้ตัวเองมีค่า กำไร10บาท 20บาท เราก็มีความสุขมากแล้วค่ะ สำหรับคนที่เลี้ยงลูกFull time แบบเรา ถึงจะช่วยสามีได้ไม่มากแต่เราก็มีความสุขขึ้นนะคะ ทุกคนมีความสุขต่างกัน ทุกคนมีค่า ลองหาอะไรที่ตัวเองทำแล้วมีความสุขทำดูนะคะ
"โรคซึมเศร้า" เกือบพลั้งมือทำร้ายลูก


    

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-ฮีโร่!เจ้าหน้าที่กู้ภัย กระโดดลงทะเล ช่วยหญิงชรา หลังป่วยโรคซึมเศร้า(ภาพ)
-ถอดรหัสจดหมาย!นักเรียนหญิง ม.6 เขียนจดหมาย หลังป่วยด้วยโรคซึมเศร้า ลั่น ต่อจากนี้แม่ไม่ต้องเหนื่อยกับหนูแล้วนะ!
-ครูบ้านไผ่ป่วยโรคซึมเศร้า ไลฟ์สดปลิดชีพตัวเองคาบ้านพัก
-สลด พ่อเฒ่าวัย 69 ปีป่วยโรคซึมเศร้านับ 10 ปี ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอกับประตูห้องนอนดับอนาถ

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก B Beewar Wispy