ศาลอุทธรณ์ลงโทษ "บอย นาคคำ" ฟอกเงิน โอนให้กลุ่ม "เบนซ์ เรซซิ่ง"

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้บุกค้นและยึดทรัพย์สินบางส่วน นั่นคือ รถหรูลัมโบกีนี และ บิ๊กไบค์ ของ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่้ง สามีนางเอกสาว แพท ณปภา เพื่อตรวจสอบที่มา ที่ไปของทรัพย์สินดังกล่าว หลัง นายบอย หรือ นายณัฐพล นาคคำ ให้การพาดพิงมาถึง นายอัครกิตติ์ หรือ เบนซ์ ก่อนหน้านี้

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้บุกค้นและยึดทรัพย์สินบางส่วน นั่นคือ รถหรูลัมโบกีนี และ บิ๊กไบค์ ของ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่้ง สามีนางเอกสาว แพท ณปภา เพื่อตรวจสอบที่มา ที่ไปของทรัพย์สินดังกล่าว หลัง นายบอย หรือ นายณัฐพล นาคคำ ให้การพาดพิงมาถึง นายอัครกิตติ์ หรือ เบนซ์ ก่อนหน้านี้

ล่าสุด ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก  เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว นายณัฐพล หรือ "บอย"  นาคคำ นักค้า จำเลยในคดีร่วมกันฟอกเงิน จากคดียาเสพติด จากเรือนจำลาดยาวมายังศาลอาญา  เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีฟอกเงิน หมายเลขดำฟย.24/2560 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 3   เป็นโจทหก์ฟ้อง นายณัฐพล หรือ "บอย"  นาคคำ นักค้ายาเสพติดชื่อดัง เป็นจำเลยฐานร่วมกันฟอกเงินจากการค้ายาเสพติด ที่ห้องพิจารณา 809  ในเวลา 09.00 น. 

 

ศาลอาญา


จากกรณีพบว่าตั้งแต่ปี  2555 - 2560 มีการโอนเงินที่ได้การค้ายาเสพติดให้กับกลุ่มของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง เพื่อนำไปซื้อทรัพย์สินและรถยนต์หรู เพื่อปกปิดที่มาของทรัพย์สิน  โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2562  ว่า การกระทำของ นายณัฐพล จำเลย เป็นความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ. ศ.2542 มาตรา 5 (1) (2), 9 วรรคสอง  จำเลยรับสารภาพและให้การเป็นประโยชน์ จึงพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี 18 เดือน  ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษสถานเบา 

 

 

เมื่อถึงเวลาศาลอุทธรณ์ได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาหารือกันเเล้วเห็นว่าจำเลยได้มีการโอนเงินที่ได้จากการกระทำผิดค้ายาเสพติดหลายครั้ง ซึ่งพฤติการณ์มีความร้ายแรงแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยนั้นหนักเกินไป  อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน ศาลอุทธรณ์เห็นควรแก้โทษให้เหมาะสม จึงพิพากษาแก้ลดโทษเป็นจำคุกนายณัฐพล จำเลย 2 ปี 18 เดือน

 

 

เรือยจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐพล ยังเป็นจำเลยในคดีที่ถูกฟ้องต่อศาลอาญาซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไปแล้ว 1.คดีหมายเลขดำ อย.1883/2560 ข้อหา ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้เพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาตและสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 20 ปี ปรับ 4 แสนบาท โดยศาอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2561 

 

 

 

 

 

 


2.คดีหมายเลขดำ อย.1257/2560 ข้อหา ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (ไนเมตาซีแพม) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 5 ปี จำเลยให้การับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน โดยศาลอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2561  และ3.คดีหมายเลขดำ อย.2187/2560 ข้อหา สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต ปรับ 1 ล้านบาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกตอดชีวิต ปรับ 5 แสนบาท โดยศาลอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2561
 

 

บอย นาคคำ จำเลยในคดีร่วมกันฟอกเงิน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"อ.ถลิล" อดีตอธิการบดีสจล. รอดยกฟ้องคดีทุจริตเงิน-ฟอกเงิน 1000 ล้านบาท
จำคุก 60 ปี "สวัสดิ์ บางปลา" อดีตปธ.สหกรณ์จุฬาฯ ร่วมพวกฉ้อโกง-ฟอกเงินพันล้าน    
“โอ๊ค” สลัดคราบผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน! นำทัพ “พรรคเพื่อไทย” เยือน “ขอนแก่น” ขอพรศาลหลักเมือง หวังชนะศึกเลือกตั้ง?