อธิบดีกรมปกครองสั่งสอบร้านทองฉาว หลังเหยื่อแห่แจ้งร้องทุกข์ มั่นใจตุกติกจำนำเบี้ยวไถ่ถอน

นายศักดิ์ชัย เเตงฮ่อ อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการให้เจ้าหน้าส่วนกำกับสืบสวนเเละปราบปราม ตรวจสอบตามจดหมายร้องเรียนว่ามีประชาชนได้รับความเดือดร้อน กรณีจำนำทองที่ ร้านทอง**** เเล้วเมื่อไปไถ่ถอนกลับไม่ได้ทองคืน โดยเจ้าของร้านอ้างว่า เจ้าของร้านตัวจริงไม่อยู่จึงไม่สามารถให้ไถ่ถอนทองคืนได้ รวมมีผู้เสียหายจำนวน 5 คน 

 

อธิบดีกรมปกครองสั่งสอบร้านทองฉาว หลังเหยื่อแห่แจ้งร้องทุกข์ มั่นใจตุกติกจำนำเบี้ยวไถ่ถอน

 

 

นายพลกฤษ เรืองสุกใส หัวหน้ากลุ่มกำกับสืบสวนสอบสวนปราบปรามกรมการปกครอง เปิดเผยว่า  กฎหมายโรงรับจำนำ อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมการปกครอง รวมถึงร้านค้าของเก่า เช่นร้านทองก็อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมการปกครองเช่นกัน เคสที่เกิดขึ้นนี้ กรมการปกครองต้องลงไปดูว่า ร้านทองนี้มีการรับจำนำทองหรือไม่ซึ่งถ้าหากมีการรับจำนำ ร้านทองก็จะต้องถูกดำเนินคดีฐานตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

อธิบดีกรมปกครองสั่งสอบร้านทองฉาว หลังเหยื่อแห่แจ้งร้องทุกข์ มั่นใจตุกติกจำนำเบี้ยวไถ่ถอน

อธิบดีกรมปกครองสั่งสอบร้านทองฉาว หลังเหยื่อแห่แจ้งร้องทุกข์ มั่นใจตุกติกจำนำเบี้ยวไถ่ถอน
 

ทั้งนี้จะต้องสอบถามผู้เสียหายที่เป็นเจ้าของสร้อยคอทองคำว่า เขามีเจตนาเอาทองไปจำนำหรือต้องการจะเอาไปขายฝากกันแน่ ซึ่งการจำนำต่างกับการขายฝากตรงที่ การจำนำคือการเอาทรัพย์สินไปวางไว้เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ แต่การขายฝากเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินนั้นไปให้แก่ผู้ซื้อเลยในทันที แต่ผู้ขายฝากสามารถที่จะมาซื้อกลับคืนได้ภายในเวลา 3 ปี ซึ่งจะต้องทำสัญญาขายฝากเท่านั้นจึงจะเป็นการขายฝากตามกฎหมาย 
 

 

อธิบดีกรมปกครองสั่งสอบร้านทองฉาว หลังเหยื่อแห่แจ้งร้องทุกข์ มั่นใจตุกติกจำนำเบี้ยวไถ่ถอน

 

สรุปว่าให้ดูที่เจตนาของเจ้าของทรัพย์เป็นสำคัญว่าเขาต้องการโอนกรรมสิทธิ์(ขาย) ให้กับผู้ซื้อหรือไม่ ถ้าใช่และทำสัญญาขายฝากเอาไว้ก็จะเป็นการขายฝาก แต่ถ้าเจตนาของเจ้าของทรัพย์เพียงต้องการส่งมอบทรัพย์สินไว้เพื่อเป็นหลักประกันการกู้เงินก็จะเป็นจำนำ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเจตนาแท้จริง ต้องการเพียงแค่จำนำบิลรับซื้อชั่วคราวนี้ก็จะเป็นนิติกรรมอำพราง ไม่มีผลบังคับใช้อย่างสัญญาขายฝาก
 

 

อธิบดีกรมปกครองสั่งสอบร้านทองฉาว หลังเหยื่อแห่แจ้งร้องทุกข์ มั่นใจตุกติกจำนำเบี้ยวไถ่ถอน