หนุ่มพูดจาไม่เพราะกับตำรวจ โดนเรียกปรับเงิน

หนุ่มรายหนึ่งขี่รถจยย.ไม่สวมหมวกกันน็อกไปพร้อมกับแฟนสาว กระทั่งพบเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.คลองตันตั้งด่านอยู่

จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในโลกออนไลน์ หลังมีหนุ่มรายหนึ่งขี่รถจยย.ไม่สวมหมวกกันน็อกไปพร้อมกับแฟนสาว กระทั่งพบเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.คลองตันตั้งด่านอยู่ จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจสอบ และยังพบว่าไม่มีใบขับขี่อีกด้วย

 

หนุ่มพูดจาไม่เพราะกับตำรวจ โดนเรียกปรับเงิน

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้เข็นรถจยย.ไปที่ตู้จราจร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำเอาหนุ่มคนนี้ถึงกับอารมณ์เสียและด่าทอเจ้าหน้าที่ด้วยถ้อยคำหยาบคายจนเรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ต่อๆ กันไปอย่างมาก


โดยในเพจในเฟซบุ๊กชื่อ Social Hunter v.7 ได้นำคลิปนี้มาโพสต์ พร้อมให้แคปชั่นว่า "โดนตัวไหนมา ใช่ๆ... แบบนี้ไม่ต้องพึ่งหมอ "ต้องส้นทีนเท่านั้นถึงจะดีขึ้น"ซึ่งบางช่วงบอกว่า “อ้วนเป็นหมูขนาดนี้ จะวิ่งจับโจรยังไงทัน” แถมยังจะต่อยเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยและไม่ยอมให้แตะต้องตัว ถ้าตกใจเข้าจะชกทันที  

 

หนุ่มพูดจาไม่เพราะกับตำรวจ โดนเรียกปรับเงิน

 

นอกจากนี้ยังบอกว่า “อย่าเรากฎหมายมาเล่นกับผม รอผมเรียนจบก่อน จะตบให้ดาวหลุดจากบ่าด้วย” ขณะเดียวกันก็ยังคงด่ากราดตำรวจ จนแฟนสาวพยายามเข้ามาห้ามก็ยังไม่เป็นผล สุดท้ายตำรวจต้องจับใส่กุญแจมือไปดำเนินคดี เพราะการด่าตำรวจแบบนี้ถือเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานอีกด้วย

 

หลังเกิดเหตุตำรวจได้ควบคุมตัวไปที่ สน.คลองตัน ระหว่งานั้นแม่ของหนุ่มคนดังกล่าวก็ได้เดินทางมาที่โรงพัก พร้อมกับบอกว่า ลูกชายป่วยและอยู่ระหว่างรักษาตัวที่ ร.พ.สมเด็จเจ้าพระยา และขาดยามา 2 วันแล้วอาการจึงกำเริบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และยังโดนข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อกและไม่มีใบขับขี่ด้วย โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (15 พ.ค.)

 

หนุ่มพูดจาไม่เพราะกับตำรวจ โดนเรียกปรับเงิน


อ่านข่าว : สภาพไม่เหลือเค้าเดิมหนุ่มหัวร้อนสติหลุดป่วนถนน 

ล่าสุดมีรายงานว่า ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถนนเจริญกรุง พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวินิจ พึ่งเดช อายุ 24 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ เป็นจำเลย ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่26) พ.ศ.2560 มาตรา 5 คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2519 ข้อ 3

 

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 62 เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมกำลังตั้งด่านตรวจกวดขันวินัยจราจร บริเวณแยกคลองตัน แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร พบจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์จอดรอสัญญาณไฟจราจรอยู่บริเวณแยกคลองตัน โดยไม่สวมหมวกนิรภัย เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปขอเรียกตรวจสอบดูใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ แต่จำเลยแจ้งว่าไม่มีใบอนุญาตขับขี่และไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พร้อมกับจำเลยกล่าวถ้อยคำด่าทอ ร.ต.อ.ณรงค์ ขันทอง 

 

หนุ่มพูดจาไม่เพราะกับตำรวจ โดนเรียกปรับเงิน

 


ภายหลังเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวจำเลยมาที่ สน.คลองตัน ขณะเดินทาง จำเลยยังกล่าวถ้อยคำด่าที่ทอดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ที่กระทำตามหน้าที่อีก จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ

 

ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ โดยความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัยและขับรถโดยใบอนุญาตสิ้นสุด เจ้าพนักงานทำการเปรียบเทียบปรับแล้วแล้วตามคดีเปรียบเทียบที่ 3346/2562 ลง 16 พ.ค. 62 และตามคดีเปรียบเทียบที่ 3035/2562 ลง 16 พ.ค. 2562 ตามลำดับ ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ปรับ 5,000 บาท

 

หนุ่มพูดจาไม่เพราะกับตำรวจ โดนเรียกปรับเงิน

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือปรับ 5,000 บาท ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน หากไม่ชำระค่าปรับ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา ม.29 และ ม.30