แม่ตามหาลูก ที่แท้พูดเท็จ

แม่ตามหาลูก อ้างโดนป้ายยา ที่แท้กุเรื่อง

จากกรณีสมาชิกเฟซบุ๊ก Pamai P Forrest โพสต์ในกลุ่ม facebook สุราษฎร์ธานี แจ้งขอความช่วยเหลือเด็กทารกถูกลักพาตัวไปจากแม่ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าในจ.สุราษฎร์ธานี 

 

แม่ตามหาลูก ที่แท้พูดเท็จ

 

แม่ตามหาลูก ที่แท้พูดเท็จ

พร้อมเขียนบรรยายไว้ว่า ใครพบเห็นน้องในรูป สงสัยว่ามีคนอุ้มพาตัวไปจากแม่ของน้องหน้า Makro สุราษฎร์ฯโดยจากการป้ายยา ถ้าพบเห็นกรุณาโทรแจ้งที่ 081-0077717 ตั้ม ณัฐวุฒิ ภูเขาทอง , 087-4738881 แตน Adithep Anujorn , 099-2562295 ป่าไม้ Pamai P Forrest

 

แม่ตามหาลูก ที่แท้พูดเท็จ

 

แม่ตามหาลูก ที่แท้พูดเท็จ

ซึ่งล่าสุด เพจบิ๊กเกรียนได้ออกมาโพสต์เคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี่ไว้ว่า เมื่อช่วงหัวค่ำ​ วันนี้(10มิ.ย.62)อิงอร​ กลิ่นชื่น​ แม่ของเด็ก​ชายวัย 1​ เดือน​ 8​ วัน อุ้มลูกพร้อมนำหลักฐานแจ้งเกิด​ ระบุคลอดที่อำเภอปากพนัง​ จ.นครศรีธรรมราช​ พบ​ พนักงานสอบสวน​ สภ.เมือง​สุราษฎร์​ธานี

อธิบายเล่าเรื่องว่า​ น.ส.ศศิธร​ ชูจิต ต้องการรับเลี้ยงลูก​ เพราะเพิ่งแท้งลูก​ จึงยอมยกลูกให้​ เพราะตอนนั้นน้อยใจสามี​ แต่ทนคิดถึงลูกไม่ไหว​ เลยขอติดต่อรับ​ลูก​ และไม่มีการป้ายยาแต่อย่างใด

น.ส.ศศิธร​ ยอมรับแล้วว่า​ กลัวสามีและญาติ​สามี​ จะรู้ว่าแท้งลูก​ เลยไปขอรับลูกจาก​น.ส.อิงอร​ มาเลี้ยง​ วันนี้​ เกิดกังวลใจว่า​ เมื่อเด็กกลับไปอยู่แม่แท้ๆแล้ว​ ตนจะเป็นอย่างไร​ จึงกุเรื่องถูกป้ายยา​ ลักพาตัวเด็กไป​ จนเรื่องมาแดงขึ้น

ทางตำรวจ​ กำลังพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิด หรือทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ​ เสียหายอย่างไรหรือไม่​ ยังไม่แจ้งข้อหา​ แต่ต้องตรวจดีเอ็นเอ​ ระบุตัวตนเด็กว่าเป็นลูกใครให้ชัดเจน​ ส่วนสามีของน.ส.ศศิธร​ ยังอยู่ในอาการช็อก​ กับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

แม่ตามหาลูก ที่แท้พูดเท็จ

 

แม่ตามหาลูก ที่แท้พูดเท็จ

 

แม่ตามหาลูก ที่แท้พูดเท็จ

ซึ่งเรื่องพิลึกนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายโมง​ วันที่10มิ.ย62​ กรณีมีการแชร์โพสต์ตามหาลูกหายว่า​ ระบุว่า​ แม่ถูกป้ายยาจนสะลึมสะลือ และให้ลูกชายวัย 1 เดือนกับผู้หญิงคนหนึ่งไป เหตุเกิด​ ริมถนนชนเกษมขาออกเมือง หน้าห้างแม็คโคร เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ก่อนรู้สึกตัวว่าลูกหายที่บริเวณปากซอยเสม็ดเรียง 22 ไป ห่างจากห้างแม็คโครประมาณ 1 กม.​ ระหว่างสอบปากคำ​ มีหญิงสาวโทรเข้ามือถือสามี​ บอกว่าเราตกลงกันแล้วว่าจะไม่แจ้งความ​ และเด็กเป็นลูกฉัน

 

ขอขอบคุณ : บิ๊กเกรียน ,  facebook สุราษฎร์ธานี , ผู้สื่อข่าวสุราษธานี