มณีรัตน์ แม่ลูก 6 ไม่ติดเชื้อ หลัง รพ.ตรวจเลือดผิด

มณีรัตน์ แม่ลูก 6 ไม่ติดเชื้อ หลัง รพ.ตรวจเลือดผิด

วันนี้ ( 4 ก.ค.) นางมณีรัตน์ คงหอม ผู้เสียหาย คุณแม่ลูก 6 ที่อ้างว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาความผิดพลาดในการตรวจเชื้อเอชไอวี ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้สัมภาษณ์ยืนยันผลการตรวจเลือดที่ สภากาชาดไทย อย่างสบายใจ เมื่อผลตรวจ ปรากฎออกมาว่า ไม่มีเชื้อเอชไอวี ตามที่ โรงพยาบาลในจังหวัดนครศรีธรรมราช บอกตนไว้ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว 

มณีรัตน์ แม่ลูก 6 ไม่ติดเชื้อ หลัง รพ.ตรวจเลือดผิด

นางมณีรัตน์ บอกว่า ตนรู้สึกดีใจที่จะพ้นข้อครหา ว่าเป็นคนที่ ติดเชื้อ HIV ผลตรวจในวันนี้ ทำให้ตนเหมือนคนที่ตายแล้วได้เกิดใหม่ เพราะตั้งแต่ที่ตนทราบว่า ติดเชื้อ HIV ตนก็ลำบากมาก ต้องเจอกับสายตาที่รังเกียจ ไม่อยากคบ ไม่อยากเข้าใกล้ จึงอยากฝากไปถึงประชาชนและสังคมว่า อย่าไปรังเกียจผู้ป่วย HIV เลย และขอช่วยให้กำลังใจและให้โอกาสผู้ป่วยเหล่านี้จะดีกว่า เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีกำลังใจต่อสู้ ดีกว่าไปซ้ำเติมเพราะพวกเขาเหนื่อยและท้อกับโรคนี้มากพอดี ซึ่งตนก็เคยประสบมา

โดยที่ผ่านมาเคยใช้ชีวิตแบบท้อถอย อยากตายตลอดเวลา เพราะสังคมรังเกียจ เราไม่เคยไปทำอะไรให้ใครเลย ในฐานะที่เราเคยถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี ตนทราบดีว่าโรคนี้ไม่มีทางรักษาหาย ผู้ป่วยบางคนไม่มีกำลังใจในการรักษาต่อ จึงอยากจะขอให้ทุกคนให้ให้กำลังใจ ให้โอกาสกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ อย่ารังเกียจหรือดูถูก อยากให้เขามีกำลังใจเพื่อต่อสู้กับโรค ให้อยู่ในสังคมได้เหมือนคนทั่วไป

ทั้งนี้ เรื่องค่าเสียหายที่ รพ.ทุ่งส่งจ.นครศรีธรรมราช จะจ่ายให้จำนวน 50,000 บาท เพื่อแสดงความรับผิดชอบ นั้นตนยังไม่ได้รับแต่อย่างใดเพราะเพิ่งติดต่อมาเมื่อ 5 วันที่ผ่านมา

มณีรัตน์ แม่ลูก 6 ไม่ติดเชื้อ หลัง รพ.ตรวจเลือดผิด

ขณะที่ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า หลังจากนี้ ก็จะนำผลตรวจไปยื่นต่อยังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ประกอบการพิจารณาดำเนินการกับทางโรงพยาบาลที่ตรวจผิด ว่าทำไม ถึงตรวจพบว่านางมณีรัตน์ติดเชื้อเอชไอวี และ เพื่อให้เกิดความกระจ่าง ส่วนจะยื่นฟ้องทางโรงพยาบาลหรือไม่

ทนายรณรงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ขอฝากเรื่องนี้ไปถึงกระทรวงสาธารณสุข ว่าจริงหรือไม่ งบประมาณในการตรวจเชื้อเอชไอวี ที่ให้ในแต่ละโรงพยาบาลไม่เท่ากัน ทำให้ประสิทธิภาพในการตรวจสอบโรคของผู้ป่วยที่มีบัตร  30 บาท มีประสิทธิภาพน้อยกว่า จึงอยากให้ กระทรวงสาธารณสุขออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวด้วย