เพื่อนสนิท น้องลิ้นจี่ เดือดแรง ตอกหน้าหนุ่มบิ๊กไบค์ โผล่สำนึกผิด

ล่าสุดเพื่อนสนิทของน้องลิ้นจี่ได้โพสต์เดือดลงเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "มาสำนึกผิดตอนที่เพื่อนกูไม่มีลมหายใจเเล้วเนี่ยหรอ ช้าไปไหม อ้างไม่มีแรงมาเยี่ยมพอมีเเรงจะมาเยี่ยม คำพูดดูดีมากไอ้... บอกจะบวชๆให้ ควายมาเยี่ยมแม้เเต่วันเดียวมึงยังไม่คิดจะมาเลย"

จากกรณีที่มีสาวเคราะห์ร้าย ถูกรถบิ๊กไบค์ชนขณะข้ามทางม้าลายแยกผังเมือง จนโคม่าสมองตายนั้น โดยในเฟซบุ๊ก ทรงภพ สรรเพชร ได้โพสต์ข้อความระบุว่า #ช่วยแชร์เป็นกระบอกเสียงหน่อยครับ

ในวันที่ 1 ก.ค. 2562 เวลา 07.50 ที่แยกผังเมือง จังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้เกิดประสบอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ได้ขี่ชนนางสาววิลาวัณย์ พุ่มมาลา (เพื่อน) ในขณะที่เพื่อนของผมกำลังเดินทางไปทำงานอาการตอนนี้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้วอนภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปฏิหารให้มีจริง จึงขอความช่วยเหลือหากใครมีกล้องหน้ารถที่ได้เดินทางผ่านเส้นทางนั้น รบกวนส่งมาให้ผม หรือเพื่อนๆ ได้ครับ ฝาก กดแชร์ เพื่อเป็นการกระจายกระบอกเสียงทีครับ ขอบคุณครับ


ต่อมามีรายงานข่าวเพิ่มเติม ระบุว่า ด้านคู่กรณีปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ และบอกว่าเป็นความผิดร่วมกัน แต่ถ้าอยากให้รับผิดชอบให้ไปหาหลักฐานมาพิสูจน์ ทางเพื่อนของน้องลิ้นจี่ จึงช่วยกันเดินเรื่อง ทั้งแจ้งความเพื่อดำเนินคดี และช่วยกันหาภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณนั้น แต่ไม่มีกล้องที่สามารถบันทึกภาพไว้ได้ จึงได้แชร์ข้อมูลในเฟซบุ๊กหวังว่าจะมีผู้หวังดีให้ความช่วยเหลือ

 
กระทั่งเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อ ทรงภพ สรรเพชร ซึ่งเป็นเพื่อนของน้องลิ้นจี่ได้เเจ้งข่าวร้ายน้องได้จากไปอย่างสงบเเล้วระบุรายละเอียดไว้ว่า "  ทุกๆเทศกาลต่อไปคงไม่มีเเกมาบอกฉันเเล้วสินะ.

 

สาวเคราะห์ร้าย


อ่านข่าว : เพื่อนสนิทแจ้งข่าวเศร้า "น้องลิ้นจี่" ถูกบิ๊กไบค์ชนตรงทางข้าม จากไปสงบแล้ว


ทางด้านคุณพ่อและคุณแม่ของน้องลิ้นจี่ เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า น้องลิ้นจี่เป็นเด็กดี ไม่เคยเกเร ซึ่งน้องเพิ่งจะเรียนจบ และกำลังจะเริ่มต้นชีวิตของการทำงาน ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ก็เคยเจอกับหนุ่มคู่กรณีแค่ครั้งเดียว และไม่เคยมาเยี่ยมลูกสาวเลย ซ้ำยังพูดแบบไม่สำนึกในทำนองที่ว่า ถ้าหากไม่มีหลักฐานก็จะไม่รับผิดชอบ

 

 


จากการสอบถามไปยังคู่กรณี ได้ความว่า ทางคู่กรณีไม่ขอเปิดเผยตัว และให้พี่สาวออกมาพูดแทน โดยพี่สาวเล่าว่า น้องชายติดตั้งโทรศัพท์มือถือเอาไว้ด้านหน้าของรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งน้องชายมัวแต่มองโทรศัพท์มือถือ พอไฟเขียวก็ขี่รถออกตัวโดยที่ไม่ทันระวัง จึงไปชนเข้ากับน้องลิ้นจี่ ทั้งนี้ พี่สาวของคู่กรณี กล่าวว่า หากฝ่ายน้องชายผิด ก็ยินดีที่จะรับผิดชอบ นอกจากนี้ ทางน้องชายเองก็เพิ่งจะเริ่มงานวันแรกเหมือนกัน

 

เสียชีวิต

 

อ่านข่าว : เปิดคำสารภาพ พี่สาวเล่าสาเหตุหนุ่มบิ๊กไบค์ พุ่งชนน้องลิ้นจี่เสียชีวิต

ล่าสุดเพื่อนสนิทของน้องลิ้นจี่ได้โพสต์เดือดลงเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "มาสำนึกผิดตอนที่เพื่อนกูไม่มีลมหายใจเเล้วเนี่ยหรอ ช้าไปไหม อ้างไม่มีแรงมาเยี่ยมพอมีเเรงจะมาเยี่ยม คำพูดดูดีมากไอ้... บอกจะบวชๆให้ ควายมาเยี่ยมแม้เเต่วันเดียวมึงยังไม่คิดจะมาเลย"

 

 

เพื่อนสนิท น้องลิ้นจี่ เดือดแรง ตอกหน้าหนุ่มบิ๊กไบค์ โผล่สำนึกผิด

 

โดย นายชีวนนท์ หนุ่มบิ๊กไบค์คู่กรณีของน้องลิ้นจี่ ได้คุยกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และบอกว่าตนจะรับผิดชอบทุกอย่าง พร้อมทั้งบอกอีกว่าให้พ่อแม่ของน้องลิ้นจี่เตรียมเอกสารเรื่องค่าใช้จ่ายเอาไว้ เขาขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ทางพ่อน้องลิ้นจี่ยังบอกอีกว่าคู่กรณีของลูกสาวจะมางานของน้องเพื่อมาขอโทษ 

 

 

 

ทางคุณพ่อเลยได้แต่ตั้งคำถามว่าจะมาขอโทษอะไรตอนนี้ ทำไมคุณไม่ขอโทษน้องตั้งแต่อยู่โรงพยาบาล ในตอนที่น้องยังมีลมหายใจ แต่คุณกลับมาขอโทษในตอนที่น้องจากไปแล้ว กว่าพ่อจะส่งลูกสาวเรียนจบ กว่าน้องจะได้ทำงาน น้องยังไม่ได้ทดแทนอะไรเลย เพราะทางบ้านต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาให้น้องสานฝันของตัวเอง 

 

เสียชีวิต

 


สิ่งที่พ่อกับแม่อยากบอกลูกในตอนนี้คือขอให้ลูกไปสู่ภพภูมิที่ดี และฝากบอกหนุ่มบิ๊กไบค์ด้วยว่า พ่อกับแม่จะไม่พยาบาทเขา เพราะอยากให้วิญญาณของน้องไปสบาย ขอแค่อย่างเดียวว่าอย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก 

 

 

 

และวันสวดพระอภิธรรมของน้องลิ้นจี่วันแรกหนุ่มบิ๊กไบค์ก็ได้เข้ามาก้มกราบเท้าพ่อและแม่ของน้อง พร้อมกับบอกว่าตนเสียใจมากจริงๆ แต่ที่ไม่ได้มาขอโทษตั้งแต่แรกก็เพราะว่า ตนเองก็เจ็บและรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเช่นเดียวกัน ทั้งยังบอกอีกด้วยว่า ตนจะบวชให้น้องเป็นเวลาอย่างต่ำ 15 วัน

 

บิ๊กไบค์

 


ขอบคุณเฟซบุ๊ก ทรงภพ สรรเพชร