ชาวบ้าน-จนท. แบกเจ้าอาวาสหลังเกิดปวดท้องรุนแรง เดินเท้าฝ่าน้ำป่าและสายฝนส่ง รพ.

ชาวบ้านเกาะสะเดิ่ง ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ช่วยกันแบกเจ้าอาวาสที่เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เดินเท้าฝ่าน้ำป่าและสายฝน กว่า3ชม ส่ง รพ.สังขละบุรีอย่างปลอดภัย

ชาวบ้านเกาะสะเดิ่ง และเจ้าหน้าที่ รพ.สต.บ้านกองม่องทะ ช่วยกันนำพระเอ่อข่อ พนาพิทักษ์สกุล อายุ 76 ปี เจ้าอาวาสวัดเกาะสะเดิ่ง ที่อาพาธด้วยอาการปวดท้องที่รุนแรง หลังจากนอนปวดท้องอยู่ที่วัดมาได้2วัน เนื่องจากไม่สามารถออกมาหาหมอได้ เพราะฝนตกหนัก เกิดน้ำป่าในลำห้วยโรคี่ รถยนต์ไม่สามารถเดินทางเข้าไปรับได้
โดยการลำเลียงครั้งนี้ชาวบ้านใช้วิธีให้พระเอ่อข่อ นอนในเปล ที่ผูกติดกับไม้ก่อนจะนำผ้าพลาสติกคลุมทับเพื่อไม่ให้เปียก เนื่องจากในพื้นที่มีฝนตกติดต่อกันมากว่า1เดือน โดยเส้นทางที่ใช้เดินทางจากบ้านเกาะสะเดิ่ง มายังบ้านกองม่องทะ เป็นเส้นทางเดินในป่าที่มีสภาพเป็นดินโคลนที่ลื่น โดยบางช่วงต้องเดินขึ้นสะพานไม้ไผ่ที่ชาวบ้านสร้างไว้ชั่วคราวเพื่อข้ามลำห้วยโรคี่ ที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวเนื่องจากเกิดน้ำป่า นอกจากนั้นเส้นทางบางช่วงยังเป็นภูเขาสูงชัน ที่ต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากลื่น ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการลำเลียงผู้ป่วยได้ 

ชาวบ้าน-จนท. แบกเจ้าอาวาสหลังเกิดปวดท้องรุนแรง เดินเท้าฝ่าน้ำป่าและสายฝนส่ง รพ.

โดยมีชาวบ้านที่อาสาในการแบกครั้งนี้ถึง8คน โดยแบ่งเป็น4ทีม ใช้เวลากว่า3 ชม.จึงสามารถนำ พระเอ่อข่อ ส่งถึงรพ.สต.บ้านกองม่องทะ ก่อนจะนำตัวส่ง รพ.สังขละบุรี 
เบื้องต้นแพทย์สันนิฐานว่า พระเอ่อข่อ น่าจะป่วยด้วยอาการไส้ติ่งอักเสบ โชคดีที่เดินทางมาถึง รพ.ได้ทันท่วงที ซึ่งหากมาถึง รพ.ช้า อาจเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้

ชาวบ้าน-จนท. แบกเจ้าอาวาสหลังเกิดปวดท้องรุนแรง เดินเท้าฝ่าน้ำป่าและสายฝนส่ง รพ.

 

ชาวบ้าน-จนท. แบกเจ้าอาวาสหลังเกิดปวดท้องรุนแรง เดินเท้าฝ่าน้ำป่าและสายฝนส่ง รพ.

 

บ้านเกาะสะเดิ่ง หมู่ที่3 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความทุรกันดาร เนื่องจากเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่สามารเดินทางด้วยรถยนต์ได้ ชาวบ้านต้องเดินเท้าออกมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค และหาหมอในยามที่เจ็บป่วย 

บ้านเกาะสะเดิ่ง เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ เมื่อวันที่ 20กค.61 แม้จะผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ครบ1ปีแล้ว แต่การเยียวยาในพื้นที่ ยังมีหลายสิ่งยังไม่เสร็จสิ้น เช่นสะพานที่ถูกน้ำป่าพัดเสียหาย ก็ยังไม่มีการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ เนื่องจากติดปัญหาการขนสิ่งวัสดุและระเบียบของทางราชการ ชาวบ้านจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการสร้างสะพานชั่วคราวที่ทำด้วยไม้ไผ่ เพื่อใช้เดินทางออกไปติดต่อโลกภายนอกในฤดูฝน
สำหรับการปรับปรุงเส้นทางเข้าออกหมู่บ้านที่มีระยะทางเพียง 12 กม.ให้สามารถเดินทางเข้าออกด้วยรถยนต์ได้ทั้งปี เป็นอีกความต้องการหนึ่งของชาวบ้านที่เรียกร้อง หลังเกิดอุทกภัยใหญ่ ที่ผ่านมา แต่มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด

ชาวบ้าน-จนท. แบกเจ้าอาวาสหลังเกิดปวดท้องรุนแรง เดินเท้าฝ่าน้ำป่าและสายฝนส่ง รพ.

 

ชาวบ้าน-จนท. แบกเจ้าอาวาสหลังเกิดปวดท้องรุนแรง เดินเท้าฝ่าน้ำป่าและสายฝนส่ง รพ.

ขอบคุณ กลุ่มคนอาสา กู้ชีพ กู้ภัย Thailand