ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัว นายสำรวย จิตรชื้น หรือ "บังนัด"

จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ก.พ.62 เวลากลางคืนจำเลยได้หลอกลวงพาเด็กหญิง อ้อน (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี ไปกระทำอนาจาร และข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่  ภายในตึกร้าง ย่านรามคำแหง ก่อนถูกตำรวจ 191 สืบทราบติดตามจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก แจ้งข้อหาดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพโดยตลอดข้อกล่าวหา โดยศาลจะเริ่มพิจารณาในเวลา 09.30 น.

วันนี้ ( 11 ก.ค.) เมื่อเวลา 08.45 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัว นายสำรวย  จิตรชื้น หรือ "บังนัด"  จำเลยในคดีลวงเด็กหญิงวัย12 กระทำชำเราในตึกร้าง จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มายังศาลอาญา

 

 

ศาลอาญาตัดสิน บังนัด เป็นเวลา 21 ปี 4 เดือน

 

 

เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสำรวย  จิตรชื้น หรือ "บังนัด" อายุ 43 ปี เป็น่จำเลยในความผิดฐานพรากเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15  ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจารฯ ที่ห้องพิจารณา 807  

 

 

ศาลอาญาตัดสิน บังนัด เป็นเวลา 21 ปี 4 เดือน

ล่าสุด ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานเเล้วโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า มารดาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.หัวหมาก ให้ดำเนินคดีกับจำเลย ซึ่งพาผู้เสียหายไปกระทำชำเราในตึกร้างย่านรามคำแหง พนักงานสอบสวน จึงพาผู้เสียหาย ไปตรวจร่างกาย ที่รพ.ตำรวจ ผลชันสูตรพบว่าภายในช่องคลอดพบบาดแผลฟกช้ำ มีรอยฉีกขาด จากนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินไปทางตรวจสอบที่เกิดเหตุและรวบรวมพยานหลักฐาน

 

 


จากการรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อได้ว่า จำเลยเป็นผู้กระทำความผิด ต่อมาวันที่ 17 ก.พ. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมจำเลยได้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาพรากเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15  ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจารฯ และกระทำชำเราเด็กไม่เกิน 13 ปี ในชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และมีการนำตัวจำเลยไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ศาลอาญาตัดสิน บังนัด เป็นเวลา 21 ปี 4 เดือน

 

 

โจทก์มีผู้เสียหายเป็นพยาน เบิกความว่า ขณะพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักจำเลยได้มาชักชวนผู้เสียหายกับน้อง ลงไปซื้อขนม จากนั้นจำเลยได้ให้น้องสาวผู้เสียหายกลับขึ้นไปยังห้องพักและ พาผู้เสียหายซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ไปยังอาคารร้าง ซึ่งอยู่ตรงข้าม รพ.รามคำแหง ก่อนที่จะลงมือกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยที่ผู้เสียหายไม่ยินยอม เห็นว่าผู้เสียหายเป็นเด็กและเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าอับอาย หากเหตุการณ์ไม่เป็นความจริงคงไม่นำมาบอกเล่าแก่มารดา เชื่อว่า ผู้เสียหายเบิกความไปตามความจริงไม่ปรากฎข้อพิรุธสงสัย อีกทั้งผลชันสูตรจากรพ.ตำรวจ ที่ระบุว่า พบว่าภายในช่องคลอดของผู้เสียหายพบบาดแผลฟกช้ำ มีรอยฉีกขาด และหลังเกิดขึ้น ผู้เสียหาย ได้เล่าให้มารดาฟังและได้เดินทางมาแจ้งความทันที จึงไม่มีเหตุสงสัยว่าผู้เสียหายจะกลั่นแกล้งจำเลย 

 

 

 

คดีจึงรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดข้อหาพรากเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15  ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจารฯ และ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานพรากเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15  ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจารฯ จำคุก 6 ปี,ฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี จำคุก 10 ปี เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ฐานพรากเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15  ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจารฯ จำคุกปี 8 ปี ,และฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี จำคุก 13 ปี 4 เดือน รวมจำคุก 21 ปี 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 10 ปี 8 เดือน

 

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ไม่พบว่ามีญาติ หรือ ทนายความฝั่งจำเลย เดินทางมาฟังคำพิพากษาหรือให้กำลังใจแต่อย่างใด

 

 

ศาลอาญาตัดสิน บังนัด เป็นเวลา 21 ปี 4 เดือน