สรส.ร่วมธรรมาภิบาลไทย บี้นายกเปิดเผยข้อมูลและร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หวั่นรัฐเสียค่าโง่

วันนี้(18 ก.ค.62) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ทำเนียบรัฐบาล นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาฯสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)พร้อมสมาชิกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ และนายอัครกฤษ นุ่นจันทร์ ผอ.ฝ่ายวิจัยและพัฒนาสถาบันธรรมาภิบาลไทย พร้อ ได้มายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้รัฐบาลเปิเผยข้อมูลและร่างสัญญาที่จะลงนามในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยมีสมาชิกเดินทางมาร่วมยื่นหนังสือกว่า 200 คน

 

สรส.ร่วมธรรมาภิบาลไทย บี้นายกเปิดเผยข้อมูลและร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

 

 บี้นายกเปิดเผยข้อมูลและร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาฯสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) กล่าวว่า พวกเราได้ติดตามโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินมาโดยตลอด หลังจากที่ กลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัดและพันธมิตร ชนะการประมูล ก็ได้มีการเจรจาต่อรองกับการรถไฟ ในหลายประเด็นเช่นขอขยายสัมปทานเป็น 99 ปี ขอรัฐหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ขอรัฐคำประกันรายได้ขั้นต่ำ ซึ่งขอต่อรองต่างๆล้วนแต่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ จนกระทั่งคณกรรมการได้นำสัญญาเข้าคณะรัฐมนตรี ท่ามกลางข้อสงสัยของสังคม เมื่อวันที่ 28 พ.ค.62 ดังนั้นเมื่อโครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่มีเงินลงทุนจากรัฐบาลที่มาจากเงินภาษีประชาชนเป็นหนี้สาธารณที่ประชาชนต้องร่วมรับผิดชอบ และโครงการนี้ยังมีผลกระทบกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่แต่กลับไม่ทราบรายละเอียดของโครงการในเชิงลึกเลย 

 

และนายสาวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ทาง กลุ่ม สรส.และภาคีเคยยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีไปแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง จึงต้องมายื่นหนังสือเพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้เปิดเผยข้อมูลในร่างสัญญาที่จะลงนามและรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) ให้แก่ สร.รฟท.และสาธารณชน ได้รับทราบ ประกอบกับได้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล จึงเห็นว่าไม่ควรรีบเร่งดำเนิการ ควรพิจารณาอย่างรอบด้านและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนก่อนการติดสินใจ

 

สรส.ร่วมธรรมาภิบาลไทย บี้นายกเปิดเผยข้อมูลและร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หวั่นรัฐเสียค่าโง่

 

 

ขณะที่ นายอัครกฤษ นุ่นจันทร์ ผอ.ฝ่ายวิจัยและพัฒนาสถาบันธรรมาภิบาลไทย กล่าวว่า ภายหลังจากที่ กิจการร่วมค้าเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด ได้รับการคัดเลือกให้ดำเนินโครงการรถไฟความเร็สางเชื่อม 3 สนามบิน การรถไฟแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นำเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีอนุมัติเรียบร้อย อยู่ในขั้นตอนลงนามในสัญญา แต่ปรากฏว่า ทางกลุ่มซีพี ได้มีการเจรจาเสนอเงื่อนไขและผลประโยชน์ตอบแทนบางข้อ การขอขยายระยะเวลาสัมปทานเป็น 90 ปี ขอรัฐประกันรายได้ขั้นต่ำ และการขอให้รัฐหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นถือเป็นการเอาเปรียบรัฐบาล ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรงโดยรวม ดังนั้นแล้ว เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อเท็จจริงและข้อตกลงในสัญญา จึงสมควรให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้เปิดเผยสัญญาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับกิจการร่วมค้าเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้งและพันธมิตร โดยขอใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2560 และพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ศ.2540 ให้การรถไฟทำการเปิดเผยสัญญาร่วมลงทุนและผลตอบแทนสัญญาร่วมก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินโดยเร็ว

 

สรส.ร่วมธรรมาภิบาลไทย บี้นายกเปิดเผยข้อมูลและร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หวั่นรัฐเสียค่าโง่

 

สรส.ร่วมธรรมาภิบาลไทย บี้นายกเปิดเผยข้อมูลและร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

 

สรส.ร่วมธรรมาภิบาลไทย บี้นายกเปิดเผยข้อมูลและร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หวั่นรัฐเสียค่าโง่

หลังจากที่ ทั้งกลุ่ม สรส.และธรรมาภิบาลไทยได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ก็ได้มี นายพันศักดิ์  เจริญ  ผอ.ส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน  สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มารับหนังสือเพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป