ธีร์ ภูมิธนะวัชร์ อดีตดาราเตรียมเข้ากรุง แจงปมเงินบริจาค 8 ล้าน หลังมีบ้านใหม่ มีรถขับ

จากกรณีที่ ธีร์ ภูมิธนะวัชร์ อดีตนักแสดงที่ป่วยเป็นวัณโรคทับตับ ทับต่อมน้ำเหลือง ทำให้ร่างกายซูบผอมจนไม่เหลือเค้าเดิม 

จากโรคดังกล่าวทำให้อดีตดารากลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงมา 4-5 เดือน ได้ออกมาโพสต์ขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ เพราะเงินเก็บหมดไปกับค่ารักษาพยาบาล ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากกับแม่ชรา หลายคนที่ทราบข่าวอาทิ เอมมี่ แม็กซิม ได้ประกาศออกสื่อขอความช่วยเหลือปันน้ำใจให้กับ ธีร์ อดีตนักแสดงมากความสามารถและต่อมาพบว่าเจ้าตัวได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ ซึ่งดูใหญ่โตและมีรถจอดอยู่หน้าบ้าน 

 

 

 

จึงทำให้หลายคนเริ่มสงสัยว่าธีร์ ได้เงินบริจาคไปทั้งหมดเท่าไหร่ ถึงมีเงินซื้อบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ เพราะเจ้าตัวบอกว่า ได้ยอดเงินบริจาคเพียง 5 หมื่นเท่านั้น แต่ เอมมี่ อมลวรรณ ผู้ซึ่งเป็นคนที่ออกมาประกาศขอความช่วยเหลือ ธีร์ ได้บอกว่า จากที่ตนเองได้สอบถามธีร์นั้น ตอนแรกบอกว่าได้เงินบริจาคมา 5 แสนบาท แต่ตอนนี้เหลือเพียง 2.3 แสนเท่านั้น

 

ทำให้ชาวเน็ตเริ่มได้กลิ่นแปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ และยิ่งสงสัยกันหนักเข้าเมื่อได้เข้าไปส่องในบ้านหลังใหม่ของ ธีร์ จึงทำให้ทราบว่า อดีตนักแสดงคนนี้ไม่ได้อยู่กับแม่แค่ 2 คน แต่ยังอยู่กับแฟน และแฟนคนนี้ก็ยังดูแล ธีร์ ไม่ใช่แม่ที่เป็นอัลไซเมอร์ดูแลพร้อมกันนี้ยังพบรถเก๋ง บ่อน้ำตกที่กำลังสร้างใหม่ในบ้าน และบ่อปลาคาร์ปอีกด้วย ทำให้ข้อสงสัยยิ่งแรงขึ้นว่า แท้จริงแล้วได้เงินบริจาคเพียงแค่ 5 หมื่นจริงเหรอ 

 

โดยก่อนหน้านี้ ธีร์ ก็ได้บอกว่า วันนั้นอาจจะเกิดการสื่อสารคลาดเคลื่อนไปบ้าง เนื่องจากฤทธิ์ยา ตนเองนั้นเหลือยอดเงินบริจาค 2 แสน แต่ถ้าถามว่ามีสมุดบัญชีหรือไม่ ตนขอตอบว่า ไม่มีแรงที่จะไปธนาคาร ทำแต่ธุรกรรมการเงินทางโทรศัพท์ และเหลือเงิน 2 แสนนิดๆ ส่วนเงินก้อนที่ได้จริงๆ นั้น ได้มา 5 แสนบาท 

 

 

 

ส่วนรถที่จอดอยู่หน้าบ้านนั้น เป็นรถของคนอื่น ส่วนสัญญาเช่าบ้านนั้น เพิ่งทำเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ทางทีมข่าวสงสัยว่า ไหนว่าบ้านนี้เช่ามาตั้งแต่ต้นปีแล้ว จากนั้น ธีร์ ก็รีบขีดค่าวันที่ทิ้งและเปลี่ยนเป็นวันที่ 6 ก.ค. พร้อมกับบอกว่า จำคลาดเคลื่อนไป

 

ต่อมาเอมมี่ แม็กซิม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ายอดเงินที่ประชาชนบริจาคทั่วประเทศ อดีตดาราหนุ่มมียอดเงินบริจาคเข้ามามากถึง 8 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้บ้านพักได้ปิดเงียบ มีการนำผ้าม่านมาปิดตรงประตูกระจกหน้าบ้านเอาไว้ ส่วนรถยนต์ที่เคยจอดอยู่ในโรงรถนั้นไม่มีแล้ว เหลือเพียงรถจักรยานยนต์สภาพเก่าๆ จอดอยู่ 1 คันและเมื่อตะโกนเรียกคนที่อยู่ในบ้าน พบว่ามีคนอยู่ในบ้าน แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ สักครู่ได้มีผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 20 ปี เดินออกมาและบอกว่า ธีร์ป่วย มีความดันสูงได้อยู่ในบ้าน ยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์อะไรตอนนี้ ถ้าหากธีร์พร้อมแล้วจะได้โทรไปนัดให้ผู้สื่อข่าวมาแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม ถ้ากลับไปตรวจสอบเฟซบุ๊กของธีร์ที่ใช้ชื่อว่า รุ่งโรจน์ ทองไพรวัน เจ้าตัวได้ลบคลิปที่เคยร้องไห้ขอความช่วยเหลือจากแฟนๆ ออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่ภาพ และยังคงหมายเลขบัญชีธนาคารไว้ และชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้าไปอัดเจ้าตัวซะยับอีกด้วย

 

 

อ่านข่าว : ลึกลับซับซ้อน!! "เอมมี่" แฉซ้ำยอดบริจาคช่วย "ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" ทะลุกว่า 8 ล้าน ที่มาสงสัยใช้เงินมือเติบ เจ้าตัวปิดบ้านเงียบสนิทหลบสื่อ

 

ล่าสุดมีรายงานว่า บ้านในของอดีตดาราหนุ่มใน อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พบเป็นบ้านชั้นเดียว มีรถยนต์สีบรอนซ์เงินจอดอยู่หนาบ้าน ขณะที่ธีร์ ภูมิธนะวัชร์ กำลังเตรียมตัวเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อจะแถลงข้อเท็จจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น

 

 

เมื่อธีร์ ภูมิธนะวัชน์ เห็นผู้สื่อข่าวก็ออกปากไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ พร้อมกับเดินเข้าไปนั่งในบ้านแทน โดยเพื่อนสนิทที่ระบุว่าช่วยเหลือดูแลอดีตดาราหนุ่มมานาน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สิ่งที่ถูกนำเสนอออกไปตอนนี้นั้นไม่เป็นความจริง มีการนำไปตีความผิดๆ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเสียหาย

 

ตอนนี้ ธีร์ ภูมิธนะวัชร์ ไม่ได้ต่อสู้กับอากาป่วยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องตกอยู่ในภาวะเครียดหนัก เพราะถูกนำเสนอข่าวไม่เป็นความจริง ทำให้สังคมเริ่มกล่าวโจมตีฝ่ายเขา ส่วนประเด็นจำนวนเงินบริจาคและค่าใช้จ่าย ตอนนี้ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะจะนำไปชี้แจงในการแถลงข่าวที่กรุงเทพฯ ในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ค.) เพื่อให้ทุกคนได้ทราบความจริง

 

 

 

ขณะที่คุณป้าอีกคนหนึ่ง ที่ระบุว่าเป็นแม่ของเจ้าของบ้านและรถยนต์คันที่สังคมสงสัย ได้ออกโรงยืนยันว่า ทั้งบ้านและรถยนต์เป็นของลูกชายของป้า ทุกวันนี้ก็ยังต้องผ่อนบ้านผ่อนรถอยู่เลย โดยบ้านหลังนี้ได้ก็ให้อดีตนักแสดงหนุ่มมาเช่าอยู่ในราคาถูกเพราะความสงสารและเห็นใจ

 

 

ส่วนรถยนต์นั้นก็เป็นของลูกชายที่ขับมาจอดไว้ที่บ้าน เมื่อมาแวะเวียนดูแลอดีตนักแสดงเป็นครั้งคราว ขณะที่เรื่องราวที่ถูกเสนอตามสื่อนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และทำให้เกิดความเข้าใจผิด จึงขอให้สื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรับผิดชอบกับข้อมูลที่นำเสนอออกไป