คุณพ่อให้ข้อคิด เมื่อลูกชายอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เตรียมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้พร้อมทำตามฝัน

คุณพ่อให้ข้อคิด เมื่อลูกชายอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เตรียมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้พร้อมทำตามฝัน

ชาวเน็ตแชร์บทความชวนประทับใจของคุณพ่อท่านหนึ่งที่โพสต์ถึงแนวทางการเลี้ยงลูกชายของเขา เมื่อลูกบอกว่ามีความใฝ่ฝันจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศ ทว่าพ่อกับแม่ไม่เคยมีประสบการณ์และเพื่อนรอบข้างต่างไม่ได้มีเป้าหมายเดียวกัน จึงตัดสินใจสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้ลูกชายได้เตรียมพร้อมในการทำตามความฝัน

 

คุณพ่อให้ข้อคิด เมื่อลูกชายอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เตรียมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้พร้อมทำตามฝัน

 

คุณพ่อเจ้าของเฟซบุ๊ก ธีรพงศ์ เธียรพัฒนพล โพสต์ข้อความเล่าถึงการเลี้ยงลูกชายของเขาและภรรยา เมื่อรู้ว่าความใฝ่ฝันของลูกคือการได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ

เมื่อลูกชายจะต้องไปเรียนต่อ High School ที่ต่างประเทศ

วันนึงผมถามลูกชายที่เรียนอยู่เกรด 9 (มัธยมศึกษาปีที่ 3) ถึงอนาคตการศึกษาของเค้า

“กัสจัง ลูกคิดไว้หรือยังว่าจะเรียนต่อปริญญาตรีที่ไหน”

“กัสจังอยากเรียนที่ Ivy League ครับพ่อ” ลูกตอบ

อะไรวะ Ivy League?!!? ตอนนั้นผมไม่รู้จักจริงๆ รู้จักแต่ จุฬา ธรรมศาสตร์ มหิดล มช. แล้วก็คาดหวังว่าลูกคงจะตอบว่าเลือกอันใดอันหนึ่งในภาคอินเตอร์ของมหาวิทยาลัยเหล่านั้น

 

คืออะไรลูก Ivy League? ผมถาม

“Ivy League คือมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่มีชื่อเสียง 8 มหาวิทยาลัยครับ บลาๆๆ” ลูกอธิบายเป็นชุด

“กัสจังอยากเรียนที่ Univerity of Pennsylvania ครับ อยากเรียนที่ Wharton”

“ทำไมถึงอยากเรียนที่นั่นละลูก” ผมถามด้วยความสงสัย

“กัสจังอยากเรียน Businesses กับ Finance ครับ ที่ Wharton มีชื่อเสียงเรื่องนี้ แล้วพ่อรู้ป่าว Elon Musk ก็จบยูเพนเหมือนกันครับ”

อ่อ เข้าใจแระ อยากเรียนที่เดียวกับไอดอลนี่เอง 555

“แล้วเพื่อนๆที่โรงเรียนมีใครอยากเรียนต่อที่ Ivy League เหมือนกัสจังบ้างไหม” ผมถามลูก

“ไม่มีเลยครับ” ลูกตอบ

จบการสนทนา

หลังจากจบการสนทนาในวันนั้นผมกับภรรยาเริ่มหาข้อมูลของมหาวิทยาลัยที่ลูกพูดถึง Ivy League

พอได้ข้อมูล โห..มันต้องเทพจุติเท่านั้นนี่หว่าถึงจะเข้าได้ น่าจะยากกว่าตอนผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในไทยหลายเท่าเลย แข่งขันสูงมาก ไม่ได้แข่งแค่กับคนในประเทศ แต่ต้องแข่งขันกับคนทั้งโลก

หลายสัปดาห์หลังจากนั้นผมเรียกลูกเข้ามาคุยอีกครั้ง

“กัสจัง พ่อว่าปีหน้าลูกต้องไปเรียนต่อ High School ที่อเมริกา ปีนี้เรียนเกรด 10 ที่นี่ไปก่อน แล้วปีหน้าไปเรียนซ้ำเกรด 10 ที่อเมริกาอีกครั้ง” ผมบอกลูก

“ทำไมอ่ะ กัสจังยังไม่อยากไป อยากเรียนที่นี่ให้จบเกรด 12 ก่อนค่อยไปครับ” ลูกทำหน้าตกใจ

ผมดึงลูกเข้ามากอด แล้วบอกเค้าว่า

“พ่อกับแม่ก็ไม่อยากให้กัสจังไปตอนนี้เหมือนกัน พ่อแม่มีลูกคนเดียว ลูกไปพ่อกับแม่ก็คิดถึงแย่ แต่ถ้าลูกไม่ไปโอกาสที่ลูกจะได้เรียนมหาวิทยาลัยในฝันของลูกแทบจะไม่มีเลย”

“ทำไมอ่ะครับ” ลูกถาม

“Surrounding ครับกัสจัง ตอนที่พ่อถามลูกว่ามีเพื่อนคนไหนอยากไปเรียนต่อที่ Ivy League บ้างลูกบอกไม่มีเลย นั่นอันตรายมาก ไม่ใช่เพื่อนลูกไม่ดี และเพื่อนลูกก็ไม่ผิด คนเรามีเป้าหมายไม่เหมือนกัน พ่อกับแม่ไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังไงถึงจะเข้า Ivy League ได้ เพราะพ่อกับแม่เองก็ไม่เคยมีประสบการณ์เรียนต่างประเทศมาก่อน พ่อแม่แนะนำอะไรลูกไม่ได้เลย พ่อรู้แค่ว่ามันยากมาก คนอยากเข้าที่นั่นกันทั้งโลก

แต่พ่อเชื่อเรื่อง Surrounding อยู่ใกล้กับใครลูกจะเป็นแบบนั้น ถ้าเพื่อนๆลูกไม่มีใครอยากไปเรียนต่อที่ Ivy League เลยโอกาสที่ลูกจะเข้าที่นั่นได้มีน้อยมาก แต่ถ้าลูกเปลี่ยน Surrounding ไปอยู่ในสถานที่ที่แวดล้อมไปด้วยคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน ทุกคนมีเป้าหมายที่จะเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Ivy League เหมือนกัน ลูกจะค้นพบวิธีการไปถึงที่นั่นเอง โอกาสที่จะได้เข้ามหาวิทยาลัยในฝันของลูกก็จะมีมากขึ้น”

หลังจากที่ทำความเข้าใจกับลูกได้แล้วผมบอกลูกว่าพ่อให้สิทธิในการเลือกโรงเรียนกับลูก 100% ลูกอยากเรียนที่ไหน List รายชื่อโรงเรียนมาเลย แล้ว ซัมเมอร์นี้เราบินไปอเมริกาไปดูโรงเรียนด้วยกัน

นั่นเป็นที่มาของทริป อเมริกา 2019 ครั้งนี้ของครอบครัวเราครับ เรา 3 คน พ่อ-แม่-ลูก ขับรถตระเวนดูโรงเรียนในอเมริกาไป 6 รัฐ 8 โรงเรียน ใน 20 วัน

ลูกชายเลือกโรงเรียนที่จะไปดูเอง email ไปนัดสัมภาษณ์เองทั้งหมด แต่ละโรงเรียนที่ลูก List มาเป็นโรงเรียนระดับแถวหน้าของอเมริกาทั้งสิ้นครับ ทุกโรงเรียนติด Rank 1 ใน 20 โรงเรียนที่ดีที่สุดของอเมริกา มีเงินอย่างเดียวเข้าไม่ได้ครับ ด่านหินที่สุดน่าจะเป็นการสัมภาษณ์ ซึ่งลูกสอบสัมภาษณ์ผ่านหมดแล้วเกือบทุกโรงเรียน พลาดสอบไม่ผ่านแค่โรงเรียนแรกที่ไปเท่านั้น แต่ไม่เป็นไรมีโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง เค้าจะเรียกสัมภาษณ์ใหม่หลังจากเอกสาร และผลการสอบ SSAT ผ่าน

แต่โชคดีโรงเรียนที่ลูกอยากเข้ามากที่สุดลูกได้สอบสัมภาษณ์ผ่านแล้ว (ไว้ผมจะเล่าเหตุผลที่ลูกไม่ผ่านสัมภาษณ์โรงเรียนแรกให้ฟังอีกทีครับว่าเพราะอะไร รวมถึงเทคนิคว่าทำอย่างไรถึงจะผ่านสัมภาษณ์ด้วย เผื่อว่ามีประโยชน์กับท่านที่จะส่งลูกไปเรียนในอนาคต เพราะหลังจากที่ไม่ผ่านสัมภาษณ์ที่โรงเรียนแรก เรา 3 คน พ่อ แม่ ลูก ต้องปรึกษาปรับกลยุทธ์กันใหม่สำหรับการสัมภาษณ์ในโรงเรียนที่เหลือทั้งหมดซึ่งได้ผลจริงๆด้วย)

ตอนนี้ลูกได้โรงเรียนที่ชอบที่สุดแล้วครับ ผ่านสัมภาษณ์แล้วด้วย เหลือแค่ส่งเอกสารสำคัญกับผลสอบ SSAT ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร ยังมีเวลาเตรียมตัวอีก 1 ปีเต็มๆ ใจหายเหมือนกันครับ ปีหน้าลูกต้องไปแล้ว และน่าจะไปยาวจนจบปริญญาตรี อย่างน้อยก็ 7-8 ปีเลย คงต้องทำใจกันขนานใหญ่เลยทีเดียวครับ

ธีรพงศ์ เธียรพัฒนพล

 

คุณพ่อให้ข้อคิด เมื่อลูกชายอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เตรียมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้พร้อมทำตามฝัน

 

ขอบคุณ ธีรพงศ์ เธียรพัฒนพล