รวบเพิ่มอีก 1 ขบวนการวางบึ้มป่วนกทม. ทำหน้าที่รับฝากระเบิด

ล่าสุดมีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีระเบิดในพื้นที่กทม.ว่า ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมหนึ่งในผู้ก่อเหตุได้แล้วอีกรายที่ด่านสุไหงโกลก ภายหลังทราบชื่อ นายฮัง (ขอสงวนนามสกุล) สำหรับ นายฮัง ทำหน้าที่เข้ามาพักในกทม.เพื่อรับฝากระเบิดที่ใช้ก่อเหตุ โดยการประชุมติดตามความคืบหน้าที่ บก.สส.บช.น.วันนี้ ได้มีการนำข้อมูลพยานหลักฐาน ภาพจากกล้องวงจรปิด มาวิเคราะห์และสรุปเพื่อหาแนวทางการสืบสวนหาตัวคนร้ายด้วย

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์คนร้ายป่วนชาวเมืองกรุงขึ้นเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น ซึ่งได้เกิดเหตุเพลิงไหม้​อาคารสำหรับขายของและเก็บสินค้าตลาดเดือนเด่นภายในซอยเพชรบุรี​ 19 แขวงถนนพญาไท​ เขตราชเทวี​ กรุงเทพ​ จำนวนรวม 4 จุด จนเกิดมีกลุ่มควันหนาแน่น​ เจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดน้ำเพื่อสกัดกั้นเพลิงไม่ให้ลุกลาม​ ใช้เวลา​ 30​ นาที เพลิงจึงสงบ​
 

กระทั่งมีรายงานแจ้งมาว่า ภายหลังเกิดเหตุขึ้นทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.พญาไท พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบในพื้นที่เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว โดยมีการปิดกั้นพื้นที่ห้ามผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปภายในพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า 

รวบเพิ่มอีก 1 ขบวนการวางบึ้มป่วนกทม. ทำหน้าที่รับฝากระเบิด

 

สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจรอย่างที่คาดการณ์ในตอนแรกแต่น่าจะเป็นฝีมือของผู้ไม่หวังดีที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ กทม. เช่นเดียวกับจุดอื่นๆ หลังพบวัตถุบางอย่างคล้ายกับชิ้นส่วนที่ใช้ประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบเพลิง หรือ ระเบิดเพลิง ตกอยู่ในที่เกิดเหตุทั้ง 4 จุด โดยคาดว่าก่อนเกิดเหตุคนร้ายน่าจะทำการหน่วงเวลาระเบิดทั้ง 4 ลูกนี้ให้ทำงานในข่วงเวลาใกล้เคียงกันเพื่อทำให้เกิดเปลวไฟขึ้นดูคล้ายกับการเกิดเพลิงไหม้ปกติแล้วมีการลุกลามไปยังที่อื่นๆ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บวัตถุพยานเหล่านี้ไว้เป็นหลักฐาน


ต่อมาได้มีการเปิดเผยข้อมูลที่ได้มาจากกล้องวงจรปิด ซึ่งได้เผยภาพชายต้องสงสัยใช้หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า สวมชุดนักศึกษา ซุ่มวางระเบิดร้านค้า ห้างย่านสยามสแควร์ อีกด้วย โดยชายต้องสงสัยได้เดินเข้ามาในร้านเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ของวันที่ 1 ส.ค ก่อนจะเดินวนเวียนรอบร้าน จากนั้นจึงใช้มีดกรีดและยัดวัตถุต้องสงสัยเข้าไปในตุ๊กตา 

 


ชุดสืบสวนเร่งคลี่คลายคดีระเบิดป่วนกรุงหลายจุด โดยได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง 2 จุดระเบิด ได้แก่ หน้าอาคารบี ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ พบชายต้องสงสัยอายุ 20-30 ปี สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำตาล รองเท้าผ้าใบสีดำ สวมหน้ากากอนามัย ใส่หมวกแก๊ปสีขาว สะพายกระเป๋าสีดำคาดที่ลำตัว และกระเป๋าสีเขียวคล้องไว้ที่ไหล่ซ้าย

 

รวบเพิ่มอีก 1 ขบวนการวางบึ้มป่วนกทม. ทำหน้าที่รับฝากระเบิด


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง  - คลิปวงจรปิดจับภาพชายเชิ้ตขาว โผล่ศูนย์ราชการก่อนบึ้มหลายจุด ซูมแล้วคุ้นมาก 

ล่าสุดมีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีระเบิดในพื้นที่กทม.ว่า ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมหนึ่งในผู้ก่อเหตุได้แล้วอีกรายที่ด่านสุไหงโกลก ภายหลังทราบชื่อ นายฮัง (ขอสงวนนามสกุล) สำหรับ นายฮัง ทำหน้าที่เข้ามาพักในกทม.เพื่อรับฝากระเบิดที่ใช้ก่อเหตุ โดยการประชุมติดตามความคืบหน้าที่ บก.สส.บช.น.วันนี้ ได้มีการนำข้อมูลพยานหลักฐาน ภาพจากกล้องวงจรปิด มาวิเคราะห์และสรุปเพื่อหาแนวทางการสืบสวนหาตัวคนร้ายด้วย


 

 

จากแนวทางการสืบสวน เจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ที่ร่วมก่อเหตุมีมากกว่า 10 คน รับคำสั่งจากตัวบงการใหญ่ที่อยู่ประเทศมาเลเซีย ก่อเหตุวางระเบิดทีละทีม ทีมละ 1 จุด (1 ทีมมี 2 คน) โดยแต่ละทีมต้องเป็นคนของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และไม่เคยรู้จักกัน ต่างคนต่างลงมือ ส่วนขั้นตอน ทีมผู้ก่อเหตุได้เดินทางเข้ามายังกทม. ก่อนลงมือ 10 วัน

 

รวบเพิ่มอีก 1 ขบวนการวางบึ้มป่วนกทม. ทำหน้าที่รับฝากระเบิด

 

เพื่อนำระเบิดที่รับมาจากช่องทางธรรมชาติ รอยต่อชายแดนไทย-มาเลเซีย ไปฝากไว้ที่ "นายฮัง" ซึ่งพักอยู่ในกทม.กับดูลาดเลาตามพื้นที่ที่จะก่อเหตุ จากนั้นทีมที่จะลงมือก็กลับไป ก่อนจะเดินทางขึ้นมากทม.อีกครั้งในวันที่ 31 ก.ค.62 พอรุ่งขึ้นวันที่ 1 ส.ค. ก็ไปรับระเบิดที่ฝากไว้กับ "นายฮัง" แล้วลงมือโดยต่างคนต่างทำ ส่วนประเด็นคาดว่ามาจากเรื่องการแบ่งแยกดินแดน อีกทั้ง เป็นช่วงที่ใกล้กับวันฉลองรัฐปัตตานี

 

 


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ทางตำรวจยังไม่มีการออกหมายจับ เนื่องจากเหตุระเบิดครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่จึงมีการพิจารณาว่าจะใช้กฎหมายพิเศษที่ใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ไม่เกิน 30 วัน เพื่อที่จะทำการรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด เมื่อได้ข้อมูลและหลักฐานที่แน่ชัดแล้ว ทางพนักงานสอบสวนแต่ละสถานีที่เป็นเจ้าของท้องที่เกิดเหตุ จะดำเนินการออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุต่อไป

 

 

ระเบิด