ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 9 เดือน "คุณหญิงจารุวรรณ" อดีตผู้ว่าสตง. เบิกจ่ายงบสัมมนาปี 2546 มิชอบ

จากกรณีที่ ศาลเลื่อนอ่านฎีกา ครั้งที่ 2 คดี คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีต ผอ.ทรัพยากรบุคคล ปฏิบัติหน้าที่มิชอบจัดสัมมนาพ่วงงานกฐินปี 46 เหตุอดีต ผอ.ฯ เสียชีวิต ศาลต้องส่งสำนวนกลับศาลฎีกา ก่อนนัดอ่านคำพิพากษาใหม่ โดย อาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาฎีกา คดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และนายคัมภีร์ สมใจ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล สตง. ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

จากกรณีที่ ศาลเลื่อนอ่านฎีกา ครั้งที่ 2 คดี คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีต ผอ.ทรัพยากรบุคคล ปฏิบัติหน้าที่มิชอบจัดสัมมนาพ่วงงานกฐินปี 46 เหตุอดีต ผอ.ฯ เสียชีวิต ศาลต้องส่งสำนวนกลับศาลฎีกา ก่อนนัดอ่านคำพิพากษาใหม่ โดย อาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาฎีกา คดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และนายคัมภีร์ สมใจ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล สตง. ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง - บทเรียนข้าราชการ!! จากอดีตสตง."คุณหญิงจารุวรรณ" สู่ "จำเลย" คดีจัดสัมมนาปลอมแฝงไปงานกฐิน

กรณีจัดให้มีการสัมมนา ที่ จังหวัดน่าน วันที่ 31 ตุลาคม 2546 ซึ่งไม่มีการสัมมนากันจริง แต่จัดสัมมนาเพื่อให้ข้าราชการที่มีรายชื่อในการสัมมนานั้น ได้ไปร่วมงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานที่จัดขึ้นในวันเดียวกันแล้วเบิกค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในงบเดียวกัน 294,440 บาท ทำให้ สตง.เสียหาย ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดคุณหญิงจารุวรรณ และนายคัมภีร์

โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามมาตรา 157 ให้จำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกคนละ 1 ปี ไม่รอการลงโทษ ขณะที่ระหว่างฎีกา "คุณหญิงจารุวรรณ" และ "นายคัมภีร์" อดีต ผอ.สำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล สตง. ได้ประกันตัวคนละ 200,000 บาท
และเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2562 คุณหญิงจารุวรรณ จำเลยที่ 1 มาศาล ซึ่งมีครอบครัว กลุ่มญาติ มาให้กำลังใจร่วมลุ้นผลคำพิพากษาด้วย ขณะที่ "นายไพบูลย์ นิติตะวัน" หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป  ก็ร่วมติดตามฟังคำพิพากษาด้วยเช่นกัน ส่วน "นายคัมภีร์" อดีต ผอ.สำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล สตง. จำเลยที่ 2 ไม่มาศาล โดยมีบุตรชายและทนายความมาแทน


เมื่อ ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ทนายความจำเลยที่ 2 แถลง "นายคัมภีร์" จำเลยที่ 2 ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ด้วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พร้อมยื่นใบมรณบัตร โดยศาลสอบถามอัยการ โจทก์แล้ว ไม่คัดค้าน โดยศาลพิจารณาแล้วกรณีมีเหตุยังไม่อาจอ่านคำพิพากษาได้ เนื่องจากพฤติการณ์คดีเปลี่ยน จึงเห็นควรให้ส่งสำนวนกลับไปยังศาลฎีกา เพื่อให้พิจารณาต่อไป วันนี้จึงยังไม่อาจอ่านคำพิพากษาฎีกาได้ ให้เลื่อนการฟังคำพิพากษาคดีออกไปก่อน


โดย ศาลนัดอ่านคำพิพากษาฎีกา ที่อัยการ ยื่นฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าฯ สตง. และนายคัมภีร์ สมใจ อดีต ผอ.สำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล สตง. ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 กรณีเบิกจ่ายเงินในการจัดสัมมนาที่ จ.น่าน ปี46 ไม่ชอบ เพราะไม่ได้มีการสัมมนากันจริง แต่เพื่อให้ข้าราชการที่มีรายชื่อไปร่วมงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานที่จัดขึ้นในวันเดียวกันแล้ว ที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม

 

ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 9 เดือน "คุณหญิงจารุวรรณ" อดีตผู้ว่าสตง. เบิกจ่ายงบสัมมนาปี 2546 มิชอบ

ล่าสุด ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ตามทางนำสืบ ก็ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รับทราบอยู่แล้ว ว่าการจัดสัมมนานั้นเป็นเวลาทับซ้อนกับช่วงเวลา ที่จะเดินทางไปถวาย ผ้าพระกฐินพระราชทานและผ้ากฐินสามัคคีที่วัดในจังหวัดน่าน 3 แห่ง โดยที่การจัดสัมมนานั้นก็จัดในสถานที่และสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้เป็นไปตามคำนิยามของการสัมมนาระเบียบการคลังซึ่งไม่สามารถเบิก เงินที่เป็นค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายได้ จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าในการจัดทำโครงการดังกล่าวมีเงินคืนหลวงนับแสนบาทนั้นก็ไม่อาจลบล้าง ความผิดที่ ได้มีการเบิกจ่ายเงินซึ่งไม่มีสิทธิ์ได้ ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ตามฟ้อง ฎีกาที่จำเลยต่อสู้คดีนั้นฟังไม่ขึ้น

 

 

 

ส่วนที่ฎีกาจำเลยที่ 1 ขอให้รอการลงโทษนั้นศาลพิเคราะห์พิการแล้วเห็นว่า ระหว่างปฏิบัติหน้าที่นั้น จำเลยที่ 1 ก็ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย และได้เคยประกอบคุณงามความดี ขนาดที่พฤติการณ์ความผิดนี้แม้จะเกี่ยวข้องกับจริยธรรมคุณธรรมของเจ้าพนักงานด้วยแต่เมื่อเห็นว่าการเบิกจ่ายเงินนั้น จำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้นำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของตนเองอีกครั้ง จำนวนเงินในคดีนี้ก็มีจำนวนไม่มาก กับเป็นการกระทำความผิดครั้งแรกจึงสมควรให้โอกาสจำเลย ในการรอการลงโทษไว้ แต่เห็นควรให้เพิ่มการลงโทษปรับ จำเลยที่ 1 ด้วย จึงพิพากษาแก้เป็นว่า คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาจึงเห็นควรลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุกเป็นเวลา 9 เดือน โดยโทษปรับจำนวน 20,000 บาทนั้น เมื่อลดโทษ 1 ใน 4 แล้วคงปรับเป็นเงิน 15,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษเป็นเวลา 2 ปี

 

 

ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 9 เดือน "คุณหญิงจารุวรรณ" อดีตผู้ว่าสตง. เบิกจ่ายงบสัมมนาปี 2546 มิชอบ