จากกรณีเมื่อวันที่ 11 เม.ย.2552 พวกจำเลยนำพากลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียน ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท ในช่วงที่กลุ่ม นปช. มีการชุมนุมใหญ่ปี 2552 ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้แจ้งข้อหาประกอบด้วย 1.ร่วมกันขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งสั่งให้เลิกการมั่วสุม

จากกรณีเมื่อวันที่ 11 เม.ย.2552 พวกจำเลยนำพากลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียน ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท ในช่วงที่กลุ่ม นปช. มีการชุมนุมใหญ่ปี 2552 ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้แจ้งข้อหาประกอบด้วย 1.ร่วมกันขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งสั่งให้เลิกการมั่วสุม 

2.ข้อหาร่วมกันเดินแถวเป็นขบวน และกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร 3.ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ และมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่ก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน 

 

ศาลฎีกาพิพากษายืนโทษจำคุก 4 ปี  อริสมันต์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง  -  อย่าโทษเวรกรรม!! ถึงเวลา “อริสมันต์”  แกนนำแดง บุกล้มประชุมอาเซียนซัมมิท พัทยา ชดใช้บาปที่ทำกับแผ่นดิน!?? (คลิป)

4.มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยเป็นหัวหน้า เป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำผิดนั้น และ 5.ร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ โดยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216, 358, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 108, 114, 148 

 


โดยวันนี้ศาลจังหวัดพัทยา จ.ชลบุรี นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำพากลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียน ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2552 ที่พนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายนิสิต สินธุไพร, นายสำเริง ประจำเรือ, นายนพพร นามเชียงใต้, นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์, นายสมญศฆ์ พรมมา, นายสิงห์ทอง บัวชุม, นายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อย หรือเกิดดี

 

ศาลฎีกาพิพากษายืนโทษจำคุก 4 ปี  อริสมันต์ กับพวกล้มการประชุมผู้นำอาเซียน

นายวรชัย เหมะ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายธรชัย ศักมังกร, นายศักดา นพสิทธิ์, นายวัลลภ ยังตรง, นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง, นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ เป็นจำเลยที่ 1-15 โดยได้พักคดีในส่วนของนายสุรชัยและ พ.ต.ต.เสงี่ยม เนื่องจากหลบหนี จึงเหลือจำเลย 13 คน

 

ศาลฎีกาพิพากษายืนโทษจำคุก 4 ปี  อริสมันต์ กับพวกล้มการประชุมผู้นำอาเซียน

 

ปรากฎว่ามีนายศักดิ์ดา นพฤทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ และเป็นจำเลยที่ 10 ในคดีนี้ เดินทางมาศาลเพียงคนเดียว  โดยนายศักดิ์ดา กล่าวว่าจำเลยบางคนไม่ได้รับหมายไม่ได้มา บางคนป่วยมีใบรับรองแพทย์มา ตนเป็นจำเลยที่ 10 มีประเด็นในการต่อสู้คดีว่า มีพยานปากหนึ่งที่เบิกความแล้วศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เชื่อจนพิพากษาลงโทษ แต่ต่อมาพนักงานอัยการ

 

 

ล่าสุดศาลจังวัดพัทยา ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา มีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก นายอริสมันต์ และพวกรวม 12 คน ยกเว้นนายสมญศฆ์ พรมมา  เนื่องเพราะเป็นมวลชน ไม่ใช่แกนนำในการปลุกระดมให้กระทำการรุนแรง เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา  พร้อมกับออกหมายจับจำเลยทั้งหมดที่ได้รับการลงโทษแต่ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาในวันนี้ ( 11  ก.ย.)

 

ศาลฎีกาพิพากษายืนโทษจำคุก 4 ปี  อริสมันต์ กับพวกล้มการประชุมผู้นำอาเซียน